การเสริมจมูก ( Augmentation Rhinoplasty)

woman touching her nose

การเสริมจมูกในปัจจุบันไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด ไม่ว่าผู้หญิง หรือผู้ชายก็ต้องการให้ตัวเองมีใบหน้าที่ดูดี ดูสวยงาม หรือดูหล่อขึ้นทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความประทับใจ ซึ่งส่งผลสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ในโลกปัจจุบันที่มีแต่การแข่งขัน การที่เรามีหน้าตา และบุคลิกที่ดูดีย่อมทำให้มีโอกาสสูงที่จะถูกเลือกให้เข้าทำงานในการสอบสัมภาษณ์ ดังนั้น จึงไม่ผิดอะไรที่คนในปัจจุบันนิยมการทำศัลยกรรมตกแต่งมากขึ้น และที่นิยมมากที่สุดในบ้านเราคือการเสริมจมูกนั่นเอง นอกจากนี้ การเสริมจมูกยังมีอยู่หลายวิธี แต่สำหรับวิธีที่เป็นที่นิยมมากที่สุด คือ การเสริมจมูกด้วยแท่งซิลิโคน ซึ่งการเสริมจมูกด้วยวิธีนี้แล้วจะออกมาสวยหรือไม่สวยนั้น มีสิ่งที่ต้องคำนึงอยู่ 2 ประการที่สำคัญ คือ

1. รูปทรงเดิมและผิวหนังบริเวณจมูกรวมทั้งมุมองศาระหว่างปลายจมูกกับริมฝีปากบน ซึ่งมีความสำคัญถึง 50% ที่จะส่งผลเป็นที่น่าพอใจหรือไม่เพียงใดหลังการผ่าตัด โดยมีองค์ประกอบดังนี้

  • รูปทรงจมูก จมูกที่มีรูปทรงยาวจะแลดูสวยกว่ารูปทรงจมูกสั้น โดยความยาวเฉลี่ยจมูกของผู้หญิงไทยจะอยู่ที่ 5.0 – 5.5 เซนติเมตร ส่วนความยาวเฉลี่ยจมูกผู้ชายไทยจะอยู่ที่ 5.5 – 6 เซนติเมตร และโดยทั่วไปคนจมูกสั้นจะทำการเสริมจมูกยากกว่าคนจมูกยาว โดยเฉพาะหากเป็นจมูกที่สั้นและส่วนบนระหว่างหัวตาเว้าเป็นอานม้าก็จะยิ่งทำให้เสริมยากยิ่งขึ้น เพราะมีโอกาสเห็นเป็นปลายจมูกเชิดขึ้นและเห็นรูจมูกชัดขึ้น
  • ผิวหนังบริเวณจมูก ถ้าผิวบางจะเสริมจมูกได้สวยกว่าคนที่มีผิวหนา แต่มีข้อแม้ว่าต้องเหลาซิลิโคนให้เหมาะสม เนื่องจากถ้าเหลาซิลิโคนให้โด่ง หรือยาวเกินไปก็จะมีโอกาสเห็นซิลิโคนเป็นแท่งชัดเจน หรือมีโอกาสทะลุผิวหนังปลายจมูกได้มากกว่าคนที่มีผิวหนา
  •   มุมองศาระหว่างปลายจมูกกับริมฝีปากบน โดยทั่วไปมุมองศาที่สวยของผู้หญิงไทยจะอยู่ที่ 95 –100 องศา ส่วนของผู้ชายไทยจะอยู่ที่ 90 – 95 องศา ซึ่งมุมองศาดังกล่าวนั้นจะมีส่วนประกอบจากฟันบนที่ยื่นหรือไม่ยื่นมาเกี่ยวข้องด้วย หากฟันบนยื่นมากก็จะดันริมฝีปากบนให้ยื่นตาม ทำให้มุมองศาดังกล่าวแคบลงตามไปด้วย

2. ฝีมือของแพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง สิ่งนี้ก็มีความสำคัญถึง 50% เช่นเดียวกัน โดยเริ่มตั้งแต่

  • การเหลาซิลิโคนให้เข้ากับรูปทรงจมูกและผิวหนังบริเวณจมูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหลาออกมาเป็นซิลิโคนบล็อกเดียวกัน หรือเหลาให้เหมือนจมูกของดารา แล้วเอามาใส่กับเราแล้วเราจะมีจมูกสวยงามเหมือนดาราก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเอารูปจมูกของดาราที่ต้องการให้เหมือนมาเป็นแบบ
  • -การใส่แท่งซิลิโคนให้ถูกตำแหน่ง โดยทั่วไปซิลิโคนจมูกส่วนบน 1 ใน 3 ถึง 1 ใน 2 จะต้องสอดไว้ใต้เยื่อหุ้มกระดูก เพื่อยึดไม่ให้ซิลิโคนมีการเคลื่อนและส่วนล่าง 1 ใน 2 ถึง 2 ใน 3 จะอยู่ใต้ผิวหนัง ดังนั้น ส่วนล่างนี้จะถูกยึดไว้โดยขาของซิลิโคน หรือต้องใช้ซิลิโคนที่มีขานั้นเอง ขาของซิลิโคนนอกจากจะช่วยยึดส่วนล่างของแท่งซิลิโคนกับปลายจมูกไว้ให้แน่นแล้ว ยังช่วยในการปรับมุมองศาระหว่าจมูกกับริมฝีปากบนรวมทั้งอาจช่วยเพิ่มรูปทรงหยดนํ้าบริเวณปลายจมูกได้อีกด้วย สำหรับคำกล่าวที่ว่า ซิลิโคนชนิดที่มีขาจะทำให้ปลายจมูกทะลุได้ง่ายนั้น ไม่เป็นความจริง จมูกจะทะลุหรือไม่ขึ้นอยู่กับการเหลาซิลิโคนให้เหมาะสมกับรูปทรงจมูกและผิวหนังที่รองรับซิลิโคนมากกว่า ถ้าใส่ซิลิโคนจมูกที่ยาวเกินไป หรือโด่งเกินไปก็ทะลุแน่นอนครับ

นอกจากนั้น ปัจจุบันมีการใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูมาเสริมบริเวณปลายจมูกร่วมกับการใช่แท่งซิลิโคน เพื่อทำให้จมูกดูยาวขึ้น หรือทำให้มีรูปทรงหยดนํ้าบริเวณปลายจมูกนั้น การใช้วิธีนี้ไม่แตกต่างกับการใช้ซิลิโคนชนิดที่มีขา มาเสริมจมูก เพราะถึงแม้จะเสริมด้วยการใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูมาเสริมเพิ่มส่วนปลายจมูก แต่ถ้าเสริมให้ยาวเกินไปจะทำให้ผิวหนังบริเวณปลายจมูกตึงเกินไปด้วย สุดท้ายเซลล์กระดูกอ่อนหลังใบหูที่เอามาเสริมก็ตายอยู่ดี เพราะขาดเลือดจากผิวหนังตรงบริเวณปลายจมูกซึ่งตึงเกินไปมาเลี้ยงบริเวณกระดูกอ่อนหลังใบหูนั่นเอง และหากแย่กว่านั้น ผิวหนังบริเวณปลายจมูกที่ตึงก็ตายและทะลุถึงกระดูกอ่อนหลังใบหูสุดท้ายกระดูกอ่อนหลังใบหูก็ติดเชื้อและตายอยู่ดีครับ และในความเป็นจริงแล้วเราเอากระดูกอ่อนหลังใบหูมาใช้ในกรณีเกิดความผิดปกติ หรือผิดรูปของกระดูกอ่อนบริเวณปลายจมูกอันเกิดจากอุบัติเหตุ หรือจากเนื้องอก เราจึงนำเอากระดูกอ่อนบริเวณหลังหูมาใช้ เพราะการนำเอามาใช้นอกจากจะเกิดแผลเป็นหลังใบหูแล้ว อาจเกิดมีเลือดคั่งและติดเชื้อตามมาบริเวณหลังใบหูได้ ถ้าดูแลแผลไม่ดี

ชนิดของซิลิโคน

โดยทั่วไปแล้วแทบไม่มีความสำคัญเลย หรืออย่างมากสุดไม่เกิน 5 % ในการเสริมจมูก ไม่ว่าเป็นซิลิโคนนิ่ม หรือชนิดธรรมดา หรือจะนำเข้ามาจากอเมริกา ญี่ปุ่นไต้หวันหรือจีนก็ตาม ไม่ได้มีผลว่าถ้าเสริมโดยใช้ซิลิโคนจากอเมริกาจะอยู่ได้นานเกิน 10 ปี หรือต้องใช้ชนิดนิ่มถึงจะไม่ทะลุ เพราะซิลิโคนชนิดแท่งเมื่อนำมาเหลาและใส่ในการเสริมจมูกนั้น เมื่อใส่เข้าไปแล้วจะมีเนื้อเยื่อผังผืดหุ้มรอบซิลิโคนทุกชนิดและเนื่องจากซิลิโคนเป็นสาร inert หรือแทบไม่ก่อปฎิกิริยาใดๆ กับเนื้อเยื่อข้างเคียงเลย จึงไม่สลายและอยู่ได้ไปตลอดทุกชนิดเกินกว่า 10 ปี อย่างแน่นอน ส่วนจะทะลุหรือไม่นั้นอย่างที่กล่าวไว้แล้วว่าอยู่ที่การเหลาซิลิโคน ถ้าเหลายาว หรือโด่งมากเกินไป ผิวหนังบริเวณนั้นรับไม่ไหวก็ทะลุเหมือนกันทั้งนั้นการเสริมจมูกที่ดีนั้น โดยทั่วไปจะต้องดูไม่ออกว่าไปเสริมจมูกมา แต่รู้ว่าใบหน้าเปลี่ยนไป ดูเรียวขึ้น นั่นคือ ดูเป็นธรรมชาติแบบสวยขึ้น ทั้งนี้ การเสริมจมูก เราจะปรับเปลี่ยนใน 3 ส่วน ตามลำดับความสำคัญจากมากไปน้อย ดังนี้

  1. เพิ่มความยาว แทบทุกรายของคนที่มาเสริมจมูกต้องการเพิ่มความยาวของจมูกแทบทั้งนั้น เพื่อให้ใบหน้าเรียวขึ้นแต่ต้องไม่ใช่เสริมแล้วปลายจมูกแดงๆ หรือเห็นเป็นใสๆ เนื่องจากมันยาวเกินไปซึ่งจะทะลุตามมา
  2. เพิ่งความโด่ง แน่นอนว่าเมื่อเสริมจมูก ความโด่งย่อมเพิ่มขึ้น จะเพิ่มได้แค่ไหนขึ้นอยู่กับความหนาและความตึงของผิวหนัง ถ้าผิวหนาและไม่ตึงย่อมเสริมได้โด่งกว่าผิวบางและตึงนั่นเอง แต่ที่สำคัญ เมื่อเสริมแล้วต้องไม่เห็นเป็นแท่งซิลิโคน ประมาณว่าเดินห่าง 100 เมตร ก็เห็นชัดว่าคุณเสริมจมูกมา อย่างนี้ไม่ดีแน่ ย่อมทำให้เสียความมั่นใจ แทนที่จะเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเรา ดังนั้นการเสริมจมูกที่ดีนั้น เมื่อเสริมแล้วจะเห็นเป็นแนวสัน 2 ข้าง จากหัวคิ้วเรียวลงมาถึงปลายจมูก ซึ่งโดยทั่วไปจะเห็นเช่นนั้น หลังการเสริมจมูกผ่านไปแล้วประมาณ 3 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่การเสริมจมูกเรียกว่าเข้าที่แล้ว หรืออาการบวมยุบลงร้อยเปอร์เซนต์ แต่หากเสริมแล้วสวยภายใน 1 สัปดาห์ รับรองได้ว่าภายใน 3 เดือน จมูกคุณจะเห็นเป็นแท่งแน่นอนครับ
  3. ปรับมุมองศา ระหว่างปลายจมูกกับริมฝีปากบน ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เราพิจารณาเป็นส่วนสุดท้าย ขึ้นอยู่กับรูปทรงจมูกและผิวหนังบริเวณปลายจมูก เช่น คนที่จมูกสั้น ผิวบาง ถ้าเสริมไม่ดีปลายจมูกจะเชิดขึ้น แต่จะให้ทำงุ้มลงมาบริเวณปลายจมูกเพื่อให้เป็นหยดนํ้าก็ทำมากไม่ได้ เนื่องจากผิวบางจะทะลุได้ เป็นต้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้จึงต้องอาศัยประสบการณ์ความชำนาญจากแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ในเรื่องการดูแลรักษาแผลหลังผ่าตัดเสริมจมูก นั้น ผมไม่ขอกล่าวลงรายละเอียดมากในที่นี้ สำหรับผมแล้วหลังการผ่าตัดมี 4 ข้อ

หลักสำคัญในการปฏิบัติ ดังนี้

  1. นอนบนหมอนสูงทำมุม 30 องศากับพื้นในช่วง1-2 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัดและระวังเรื่องการนอนควํ่า โดยเฉพาะภายใน 4 เดือนแรกหลังการผ่าตัด
  2. ไม่ต้องประคบอุ่น หรือประคบเย็นทั้งสิ้น เพราะในช่วงแรกหลังเสริมจมูก ซิลิโคนยังไม่ติดแน่นใต้เยื่อหุ้มกระดูก การวางถุงนํ้าอุ่น หรือ ถุงนํ้าแข็ง บริเวณจมูก อาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่ได้
  3. รับประทานอาหารได้ทุกชนิด ไม่มีของแสลง ไม่จะเป็นต้องกินนํ้าใบบัวบก หรือ นํ้ามะพร้าว เพราะไม่เกิดประโยชน์อย่างชัดเจน
  4. ต้องหมั่นทำความสะอาดแผล 4 เวลา เช้า กลางวันเย็นและ ก่อนนอน รวมทั้งห้ามไปอยู่ในที่ที่มีฝุ่น ควันหรือที่เผาขยะโดยเด็ดขาดในช่วง 7-10 วันแรกหลังการผ่าตัด

สุดท้ายนี้ ผมขอให้ทุกคนที่ต้องการจะเสริมจมูกเพื่อเพิ่มบุคลิกและความมั่นใจให้กับตัวเอง รวมทั้งเสริมจมูกเพื่อแก้ไขความผิดปกติของรูปทรงจมูก ประสบผลสำเร็จจากการเสริมจมูกให้เป็นไปตามที่ปรารถนานะครับ

 

ที่มา : นพ.อภิชาญ พงศ์พัฒนานุรักษ์

เรื่องน่าสนใจ