เนื้อหาโดย Dodeden.com
แน่นอน พูดง่ายแต่ทำน่ะแสนยากที่จะทิ้งข้าวของเครื่องใช้ เพราะเรามักมีความรู้สึกผูกพันลึกๆ จะทิ้งก็เสียดาย เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ เช่นเสื้อผ้า ของใช้ หนังสือ รองเท้า เพราะของบางอย่างมันก็มีคุณค่า มีที่มาที่ไป มีความหลังความผูกพัน แล้วจะทำอย่างไรล่ะในเมื่อมันจะล้นห้องอยู่แล้ว ต้องมาดูเคล็บลับการเก็บของเหล่านี้เข้ากรุกันค่ะ
ตระหนักถึงปัญหา
ข้าวของกองพะเนินไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านคุณชั่วข้ามคืนแน่ แต่มันค่อยๆ คืบคลานเข้ามาที่ละอย่าง เหมือนน้ำหนักตัวที่เพิ่มมาในช่วงวันหยุดยาว สัญญาณอันตรายหลักๆ ที่ควร สังเกตคือ
คุณกะจะจัดการ
วันหลังการผัดวันประกันพรุ่ง ส่งผลให้คุณมีข้าวของกองโต แทนที่คุณจะจัดการซะเดียวนี้ เรามักจะเก็บไว้ทําวันหลังมากกว่า หลายคนยึดติดกับสมบัติเพราะคิดว่าวันหนึ่งคงได้ใช้ หรือซ่อมแล้วคงใช้ได้ หรือคงมีโอกาสเอามาใช้อีก ซึ่งวันนั้นก็ไม่เคยมาถึง ตัดใจกําหนดวันหมดอายุของสมบัติแต่ละชิ้นเลยค่ะ ถ้าคุณยังไม่ได้เย็บกระโปรงที่ขาด หรือเปิดหนังสือเล่มที่ตั้งใจจะอ่านภายในวันเวลาที่คิดไว้ ก็นําไปบริจาค หรือโยนของนั้นทิ้งไปซะ
คุณไปสายหรือเบี้ยวนัดเป็นประจํา
ปัญหานี้อาจเกิดกับคนที่มีเสื้อผ้าหรือแอ็กเซสซอรี่ต่างๆ มากเกินจนการแต่งตัวกลายเป็นฝันร้าย พอมีชอยส์มากไป คุณจะใช้เวลาตัดสินใจนาน นอกจากจะเสีย เวลาแล้วคุณยังเหนื่อยใจอีกต่างหาก
Free Pic
คุณมียาทาเล็บขวดโปรดที่ยังไม่ได้เปิด ตั้ง 3 ขวด
ก็ยังไม่วายซื้อมาเพิ่มอีก คุณอาจเป็นเหยื่อการเก็บสะสมโดยถูกหลอกล่อด้วยดีลเด็ดๆ เช่น ซื้อทุกครั้งที่ของนั้นลดราคา หรือซื้อเก็บไว้เพราะกลัววันหนึ่งจะไม่มีใช้ คนที่บ้าสมบัติมักสิ้นเปลืองกับการซื้อของที่สูญหาย หรือคิดว่ายังมีไม่ซ้ำกัน เปลี่ยนความคิดซะค่ะ ลองสะสมแต่ประสบการณ์ไม่ใช่ข้าวของ การเสียเงินไปกับกิจกรรมต่างๆ เช่น การพักผ่อนในวันหยุด หรือกินข้าวนอกบ้านกับเพื่อน ทําให้คนเรามีความสุขมากกว่าในระยะยาว เมื่อเทียบกับการใช้เงินซื้อของ นี่เป็นข้อมูลจากผลศึกษาฉบับหนึ่งของสหรัฐ ให้คิดว่านี่เป็นการลงทุนในธนาคารความสุขค่ะ เพราะคุณได้ความสุขจากการทําสิ่งที่ชื่นชอบ และยังเก็บความทรงจําไว้หวนระลึกถึงช่วงเวลาดีๆ เหล่านั้นได้ด้วย ขณะเดียวกัน ข้าวของกลับน่าพิสมัยน้อยลงเรื่อยๆ เพราะเราเริ่มเบื่อนั่นเอง
จําไว้ว่าบางครั้ง มีน้อยกลับดีกว่ามีมาก หลายคนสบายใจหรืออุ่นใจกับการมีข้าวของปริมาณมาก แทนที่จะเน้นเรื่องคุณภาพ เวลาเห็นกองสมบัติพวกนี้จึงตัดใจทิ้งไปได้ยาก โดยไม่สนใจหรอกว่าข้างในนั้นมีอะไรบ้าง ยิ่งคุณมีสมบัติมาก ความรู้สึกผูกพันกับของแต่ละชิ้นเป็นการส่วนตัวก็จะยิ่งน้อย คุณจึงละเลยมันไปได้ง่ายขึ้น ท้าทายตัวเองให้ซื้อเฉพาะของที่ตรงใจจริงๆ ไม่ใช่ของที่คิดว่าจะได้ใช้
หาเพื่อนช่วยสะสาง
การมีเพื่อนหรือบุคคลที่สามอยู่ด้วย เวลาคุณรื้อกองข้าวของช่วยได้มากเลยค่ะ คนที่ไม่ผูกพันกับข้าวของจะช่วยแยกแยะอย่างไม่ลําเอียงว่า อันไหนควรทิ้งหรือเก็บไว้ คุณใช้ของชิ้นนี้บ่อยมั้ยหรือมีอย่างอื่นที่ตอบโจทย์เดียวกันแต่ดีกว่าหรือเปล่า เสื้อกีฬาตัวนั้นอาจยังดูดีอยู่ แต่ถ้าคุณแทบไม่ได้หยิบมาใส่เลย ก็ทิ้งไปเถอะ หรือจะเอาไปบริจาคก็ได้นะ แต่ของบางอย่าง เช่น ชุดชั้นในและเครื่องทําฟองดู อาจจะไม่ได้หยิบมาใช้ในชีวิตประจําวัน แต่ก็มีวาระและสถานที่ใช้งานแน่ๆ ลองเช็คดูว่าของนั้นมีความหมายพิเศษมั้ย ถ้าเป็นของที่แฝงไว้ด้วยความทรงจําดีๆ และจับใส่กล่อง 2 กล่องได้ เราก็อนุญาตให้เก็บไว้ เช่นรองเท้าวัยเด็ก หรืออัลบั้มงานแต่งงานของคุณ แต่ตัวเครื่องบินที่สะสมไว้จากทุกทริปกรุณาโละทิ้งไป หรือจะเอาไปฝากหลานๆ ที่แสนน่ารักก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี
สารเคมีในสมองส่วนใหญ่ถูกกระตุ้นด้วยความวิตกกังวล เรามักคิดว่าถ้าโยนมันทิ้งไป อาจต้องมานั่งเสียใจทีหลัง แต่ถ้าคุณมีเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียวที่ทําให้ต้องเก็บของนั้นไว้ ขอบอกว่าไม่ผ่านนะ
เคลียร์กองสมบัติ
พร้อมจะโยนข้าวของทิ้งไปบ้างแล้วใช่มั้ย ลองใช้เทคนิคพวกนี้ช่วยอีกแรงสิ
บ้านคุณไม่ได้เต็มไปด้วยข้าวของภายในวันเดียว ดังนั้นการจัดระเบียบก็ต้องใช้เวลาทําทีละนิดละหน่อยเหมือนกัน เริ่มจากการจัดของหนึ่งลิ้นชักก่อน แล้วค่อยขยับขยายออกไป ตั้งนาฬิกาจับเวลาไว้ครั้งละ 15 นาทีพอ คุณจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป พยายามจัดแยกข้าวของเล็กๆ ทุกวัน วันนี้จัดลิ้นชักเก็บถุงเท้า พรุ่งนี้จัดเก็บชั้นวางเครื่องเทศ วิธีนี้จะช่วยสร้างแรงจูงใจเล็กให้คุณค่อยๆ ทําต่อไปได้