ที่มา: dodeden

ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า วันนี้ ( 19 พฤษภาคม 2560 )  งานมหกรรมสุขภาพอาเซียน  ASEAN Health Wisdom Conference 2017 ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี  เป็นวันสุดท้ายแล้ว ซึ่งมีหมอพื้นบ้านอาเซียน 7 ประเทศ

ประกอบด้วย กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ และไทย และ จากเอเชียใต้ ได้แก่ อินเดีย กับ ศรีลังกา  เข้าร่วมงาน โดยผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม ระบุว่าในบรรดาศาสตร์พื้นบ้านทั้งหมดพบว่า “มโนราห์เหยียบเสน” เป็นศาสตร์พื้นบ้านที่น่าสนใจมาก 

เนื่องจากยังไม่ค่อยแพร่หลาย รวมทั้งหากอ่านแค่นิดเดียวหรือ ศึกษาแค่ผิวเผิน อาจจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจ และ มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะมานำเสนอในงาน งานมหกรรมสุขภาพระดับอาเซียนเลย   

ทั้งนี้ “มโนราห์เหยียบเสน”  ถือเป็นศาสตร์ SUPERNATURAL หรือ การแพทย์เหนือธรรมชาติ ที่ได้รับการยอมรับอย่างมากในพื้นที่ภาคใต้ มีการตีพิมพ์ในวารสารมากมาย ซึ่งทำให้ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม ได้เปิดใจยอมรับศาสตร์นี้ และ เห็นควรสนับสนุนให้ ศาสตร์พื้นบ้าน หรือ การแพทย์แบบดั้งเดิม ควบคู่ไปกับแพทย์แผนปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายกับการแพทย์เหนือธรรมชาติ ที่หลายๆ คนยังสงสัย และ อยากพิสูจน์ บางคนแซะประมาณไม่เชื่อถือว่า “วิเศษมาก แพทย์แผนปัจจุบัน ต้องอึ้งทึ่งแน่ ๆ ขอบคุณครับ”

ขณะที่บางคนที่ศึกษาหาความรู้มาอย่างดี  ระบุว่า “มโนราห์เหยียบเสน” เป็นภูมิปัญญาที่ควรจะมีการสืบทอดต่อไป จากประสบการณ์ส่วนตัว เกิดมาพร้อมกับปานดำที่ขมับขวา แม่ใช้แหวนทองของแม่ครอบทับ ตามความเชื่อของท้องถิ่นบ้านแม่ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เพื่อไม่ให้ปานโตขึ้น ขยายตามเวลาเราโตขึ้นค่ะ ซึ่งปานดำไม่โตเพิ่มขึ้นจริงๆ ( เกิดมาปานขนาดเท่าไหนก็ขนาดเท่าเดิม )

สำหรับ  มโนราห์เหยียบเสน ที่ได้นำเสนอบนเวทีวิชาการ ในงาน ASEAN Health Wisdom Conference 2017  มี นายแพทย์สุเทพ วัชรปิยานันทน์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายแพทย์จรัญ บุญฤทธิการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร หรือ หมอต้อม  รองผู้อำนวยการด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร  เข้าร่วมงานด้วย ซึ่งพบว่า  เสน คือ ปานแดง หรือดำ ที่มีลักษณะนูนใหญ่ และปรากฏบนใบหน้าทำให้เด็กดูไม่สวยงามและอาจเกิดการเสียความมั่นใจในอนาคต

การแพทย์พื้นบ้านภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดระนองได้มีการรำมโนราห์เหยียบเสนเพื่อรักษาอาการดังกล่าว ทั้งนี้การรำมโนราห์เหยียบเสนต้องมีพิธีกรรมของมโนราห์ร่วมด้วยและไม่ใช่ใครจะสามารถรำเหยียบก็ได้ โดยหมอพื้นบ้านทางใต้จะมีทั้งการใช้พืช สัตว์ คุณธรรม พิธีกรรม และไสยศาสตร์ผสมผสานกัน

ในพิธีกรรม การเหยียบเสนต้องใช้ทั้งหมอพื้นบ้าน และหมอมโนราห์ จะเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในพิธี ดังนี้ มีดหมอที่ผ่านพิธีการสวดและลงอักขระมาแล้ว(ทางใต้ใช้ กริช) ดินสอที่ผ่านพิธีการสวดยัดมาแล้ว ไม้ปังยายา เหรียญครุฑ ๓ เหรียญ หินผ่านฟ้า (หินที่ถูกฟ้าผ่า) หรือ หินพรายดำซึ่งใช้สำหรับเหยียบเสนดำ หน้ากากมโนราห์ ( ในที่นี้ใช้หน้ากากพรานบุญ ) และน้ำมนต์

แม่ของเด็กที่มาเข้าพิธีเหยียบเสน จะต้องเตรียมอุปกรณ์เข้าร่วมพิธี คือ หิน ทราย ข้าวสามรวง ดอกไม้สามดอก เหรียญบาท ๓ เหรียญ ทองคำแท้ (เช่น สร้อยทอง)

จากนั้นก็จะเริ่มทำพิธี โดยเริ่มจากหมอพื้นบ้าน ทำการภาวนาตั้งนะโมสามจบ สวดบทชุมนุมเทวดา บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้น หมอมโนราห์ ทำการลงยันต์ที่นิ้วโป้งเท้าขวาด้วยดินสอที่ผ่านการสวดยัด ทำการไหว้ครู ร่ายรำในท่วงท่าของมโนราห์ ย่ำสามขุม เอานิ้วที่ลงยันต์แล้วแตะของในพานที่แม่เด็กเตรียม แล้วไปแตะที่เสน(หรือปาน)ที่ตัวเด็ก ทำเช่นนี้สามรอบ

หลังจากเหยียบเสนครบแล้ว หมอครูจะทำการเอากริชตัดเสน(เอามาทาบบนปาน) โดย ครูก็จะจับมือมโนราห์ทำด้วยกัน ทั้งนี้เพราะเชื่อว่าครูเป็นผู้มีศีลสูงกว่า และเอาไม้ปังยายา (คาถาไล่ปาน) มาวางแปะ เหรียญตราครุฑวางบนเสน และ หน้ากากมโนราห์ (หน้ากากพรานบุญ) วางแปะบนเสน แล้วท่องมนต์ว่า “พุทธังรักษา ธรรมมังรักษา สังฆังรักษา” ครูหมอพรมน้ำมนต์ กรวดน้ำอุทิศบุญกุศล เป็นอันจบพิธี

สำหรับ “มโนราห์เหยียบเสน” เป็นศาสตร์พื้นบ้านที่ได้รับการยอมรบแล้ว แต่ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่ต้องการรักษาตามหลักการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ควรใช้วิจารณญาณในการรักษาของหมอพื้นบ้านบางคน ที่ขณะนี้ในบ้านเรายังพบว่าบางแห่งมีการหลอกลวงผู้ป่วย

หรือ เรียกรับเงินในการรักษา หรือ อวดอ้างตนเองว่าเป็นผู้วิเศษ ซึ่งควรจะปรึกษากับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  หรือ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง 

เรื่องน่าสนใจ