ที่มา: dodeden

ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า ในกลุ่มไลน์ของนักข่าว ได้นำเสนอว่า เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 18  นายชินกร ไกรลาศ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง เสียงชีวิตลงแล้วด้วยอายุ 71 ปี หลังป่วยด้วยมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ ระยะที่ 3 ตั้งแต่เดือนพ.ย.2558

โดยเสียชีวิตระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชเมื่อช่วง 10.40 น.ที่ผ่านมา  ซึ่ง ชินกร ไกรลาศ หรือ ดร.ชิน ฝ้ายเทศ เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2489 จ.สุโขทัย เป็นนักร้องลูกทุ่งที่ประยุกต์เพลงพื้นบ้านมาผสมผสานกับการแสดงดนตรีลูกทุ่งในหลายลักษณะ

ทั้งลำตัด เพลงฉ่อย เพลงเกี่ยวข้าว เพลงเรือ เพลงอีแซว และเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ( นักร้องเพลงลูกทุ่ง ) ประจำปีพุทธศักราช 2541

ทั้งนี้  ชินกร ไกรลาศ  ออกงานครั้งสุดท้าย เมื่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งอาจารย์ได้ระบุว่า “เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2558 พบว่าตัวเองเป็นมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ พอวันที่ 17 ธันวาคม 2558   ก็ผ่าตัดแล้วก็ตัดต่อลำไส้เอาเนื้อร้ายออก แล้วก็ตัดต่อเลย บังเอิญเราไปเจอก่อนที่หมอจะตรวจพบ ก็คือ เวลาเราเข้าห้องน้ำเราก็ใช้น้ำล้างก้นปกติ แล้วเราหยิบกระดาษชำระมาเช็ด แล้วก็เลยเจอช้ำเลือดช้ำหนอง ไปเช็ดอีกทีหนึ่ง

และหมอบอกว่าใช่ ซึ่งหมอบอกเป็นระยะที่สามแล้ว เชื้อมันกำลังจะเคลื่อนตัว มันมี อยู่ 4 – 5 เม็ด และมันมีอยู่เม็ดหนึ่งกำลังจะเคลื่อนตัว ลามไปที่อื่นๆ ก็เลยสกัดมันไม่ได้ สรุปก็ตัดลำไส้ใหญ่ออกไป 16 ซม. ไปเลยครับ”

“อาการมันก็มีความรู้สึกเหมือนกับเราจะควบคุมระหว่างการผายลมที่มันเหมือนการถ่ายหนัก มันจะมาพร้อมๆ กัน แล้วมันออกมาเป็นน้ำเลย อะไรอย่างนี้ ก็นั่นแหละมันชี้ชัดออกมาแล้วเรากำลังมีปัญหา จริงๆ แล้วผมตัดความกังวลไปได้แล้ว เพราะว่ามาเทียบกับการไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยเลยเนี่ยครับ อายุ 70 ปีที่ผ่านมา เราไม่เคยป่วย ไม่เคยนอน ไม่เคยใช้บริการโรงพยาบาลเลย เพียงแต่เราไปใช้บริการ คือ ไปตรวจเป็นระยะๆ อย่างนี้ แต่ว่าเมื่อเรามาเจออย่างนี้แล้ว ก็ถือว่าเราก็โอเคแล้ว ใช้ชีวิตคุ้มแล้ว”

สำหรับ  เรื่องการทำคีโมก็ทำทุกอย่างเหมือนคนอื่น ก็เห็นว่า อาการอย่างนี้มันไม่ได้ธรรมดาแล้ว เราก็เลยทำหนังสือยื่นฎีกาไปยังสำนักพระราชวัง ขอเป็นคนไข้ในส่วนพระบรมราชูปถัมภ์ครับ ก็ได้รับการอนุมัติ ก็ถือว่าเป็นฐานและกำลังใจที่ดีที่สุดแล้ว

และตอนนั้นเองก็มีเพื่อนฟิลิปปินส์เขาจะมาจัดคอนเสิร์ตหารายได้ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลให้เรา เราก็เกรงว่าผิดพระราชหฤทัยเบื้องบน เพราะพระองค์ท่านทรงรับเป็นคนไข้แล้ว และจะต้องไปเอาคนมาช่วยทำไมอีก แล้วเราก็คิดถึงเรื่องนี้ ก็รักษามารยาทตรงนี้เอาไว้ แล้วก็บอกเพื่อนๆ ว่า ขอบคุณมาก เพราะในพระบรมราชูปถัมภ์ เขาดูแลเราดีอยู่แล้ว”

ช่วงนั้น 24 พฤศจิกายน 2559 จนมาถึง 18  พฤษภาคม 2560  เป็นระยะเวลาแค่ 6 เดือน โดย อาจารย์บอกว่า “มันเป็นสภาวะจิตที่ไม่ถูกต้อง เราต้องยอมรับความเป็นธรรมชาติ

ถ้าเรามาอย่างธรรมชาติ เราก็ไปอย่างธรรมชาติ เราทำตัวให้กลมกลืน เราจะมีความสุขกว่านะครับ ถ้าเราไปคิดต้านทาน มันก็ไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่ ซึ่งจะบอกว่าให้ยอมรับ และอยู่กับมันให้ได้  มันก็ไม่เชิง

ผมไม่ได้คิดตามคนอื่น แค่คิดว่าเราอยู่กับธรรมชาติมากกว่า ธรรมชาติของการเจ็บป่วย มันเป็นอย่างนี้เราก็ต้องเป็นอย่างนี้” 

หลังจากผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีน้ำในช่องท้องเยอะ ทางทีมแพทย์ก็ดูดเอาน้ำออก พอทุกอย่างเข้าที่แล้ว แพทย์จึงให้คีโมแล้วก็ฉายแสง ช่วงที่เขาให้คีโมนับว่าเป็นเรื่องของการทารุณกรรมอย่างหนึ่ง แต่ว่าโชคดีที่เส้นผมไม่ได้ร่วง

“ก็เพิ่งมาทราบภายหลังว่า ยามันมาจากยุโรป มันจะให้ผลแบบนี้ อย่างสมัยก่อนพวกใช้บัตรทองอะไรต่างๆ ร่วงกันเป็นแถวเลยครับ มันคงเป็นยาอีกระดับหนึ่ง อันนี้มันคงเป็นยาที่ค่อนข้างจะแพง ให้คีโมครั้งหนึ่ง ชุดประมาณ 50,000 บาท ซึ่งถือว่าแพงมาก ให้ทั้งหมด 6 ครั้ง และในแต่ละครั้งที่ให้ห่างกันประมาณ 15 วัน แต่ก็ได้รับพระกรุณาธิคุณ แล้วก็ถือว่าเบาใจไปได้”

 “ตอนทำคีโม เหมือนคนตาย คล้ำ เล็บเขียว คือ เหมือนคนหมดสภาพเลย หนังเท้าลอกออก ไม่มีเหลือแม้แต่นิดเดียว ทุกวันนี้มือมันยังชาๆ นิดๆ อยู่เลย เหมือนกับว่าคีโมมันยังจะอยู่กับเรานานมาก ขนาดยาสลบยังอยู่กับเรา 3 เดือนกว่า”

“เราไม่กังวลเลยว่าอยู่ได้อีกกี่เดือน มันไม่มีอยู่ในอารมณ์เลย เราคิดว่ามันเป็นธรรมชาติของมันมากกว่า มาอย่างเป็นธรรมชาติ กลับไปอย่างเป็นธรรมชาติ เราไม่ได้คิดอะไร เพราะผมไม่ติดยึดอะไรเลย”

ทั้งหมด คือคำพูด ของ “ชินกร ไกรลาศ” ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และ ผู้ป่วยด้วยมะเร็ง ที่กำลังรักษาให้ต่อสู้ด้วยความเข้มแข็ง และ มีสติตลอดเวลา

“มาอย่างเป็นธรรมชาติ กลับไปอย่างเป็นธรรมชาติ” โดดเด่นดอทคอม ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว

เรื่องน่าสนใจ