“ดารา-เซเลบ” กับกฎคุม”บิวตี้คลินิก”

socobo

หลังจากแพทยสภาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กรมการแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เตรียมออกกฎควบคุมคลินิกเสริมความงามต้องไม่โฆษณาเกินจริง ราคาต้องไม่เว่อร์

บรรดาสาวๆ นักแสดง นักร้อง และเซเลบ ผู้รักความงามทั้งหลายจะว่าอย่างไร?

bumpa

“บุ๋ม” ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ดารานักแสดงสาว บอกว่า “คลินิกต้องให้ความรู้ที่ถูกต้องก่อนทำ เช่น ซิลิโคนราคานี้ ร้อยไหมราคานี้ ต้องตอบว่าทำไมราคาไม่เหมือนกัน อย่างเราเองไปทำสเต็มเซลล์ที่เยอรมนีก็เพราะไม่เหมือนกับที่นี่ อยากให้ สคบ.ดูแลในส่วนโฆษณาเกินจริงมากกว่า โดยเฉพาะในนิตยสารต่างๆ โฆษณาเกินจริงกันมาก อย่างขาววิ๊งใน 1 นาทีอะไรแบบนี้

“ส่วนพวกดารา เท่าที่รู้มา บางคนทำเฉลี่ยอาทิตย์ละครั้ง ดูแลหน้าตา ผิวพรรณ เลเซอร์อะไรไป เราเองยังพูดกับเพื่อนเลยว่าน่าจะหักภาษีได้ เพราะเป็นต้นทุนการทำงานของเรา” บุ๋มกล่าวติดตลก

ส่วนค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ “บุ๋ม” บอกว่า “ขึ้นอยู่กับว่าทำอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ อย่างต่ำ 2,000 บาทต่อครั้ง ที่ต้องเสริมความงามกัน เพราะมันจำเป็น มันช่วยเสริมความมั่นใจให้ตัวเอง พอเรามีความมั่นใจในตัวเอง ทำอะไรออกมาก็จะดูดี ถ้านักแสดงดูไม่ดีก็ไม่มีคนจ้าง

kata

ด้าน “กระแต” นิภาพร แปงอ้วน ดารานักร้องลูกทุ่งชื่อดัง บอกว่า “ควรจำกัดอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีที่จะศัลยกรรม เพราะนอกจากยังไม่มีรายได้แล้ว ยังเด็กเกินไปที่จะใส่ของเเปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย แต่เดี๋ยวนี้ 12-13 ปี ก็ไปทำจมูกกันแล้ว เราไม่เห็นด้วย

“ส่วนเรื่องราคา บางทีก็รู้สึกนะว่า เอ๊ะ! เเพงไปหรือเปล่า แต่เราไม่รู้ราคาจริงๆ ว่าวัสดุ อุปกรณ์มันมาในราคาเท่าไร อีกอย่างมือหมอแต่ละคน ความเก่ง ความดังก็ไม่เท่ากัน

ถ้าอยากได้หมอดีๆ ก็ต้องแพงหน่อย ถ้าอยากได้ถูกๆ ก็อาจเสี่ยง เราไม่มีปัญหาเรื่องเงิน แต่สงสารคนอื่น อย่างพนักงานออฟฟิศ หรือคนทั่วไปที่เขาอยากจะสวยแต่ไม่มีตังค์ ก็เลยอาจตัดโอกาสความสวยพวกเขาได้” กระแตให้ความเห็นเรื่องราคา ถ้า สคบ.ช่วยได้ก็ดี จะได้เปิดโอกาสพวกเขาด้วย

“กระเเตต้องเตรียมเงินไว้ทำพวกนี้เดือนละประมาณ 1 เเสนบาท แบ่งเป็นทำหน้า 4-5 หมื่นบาท ที่เหลือเป็นตัว มีทั้งยิงเลเซอร์ นวดหน้า ทำหน้า เข้าไปอาทิตย์ละครั้ง บางทีก็ 2 อาทิตย์ครั้ง อยู่ที่งานว่าก่อนหน้าเราสมบุกสมบันแค่ไหน ถ้าไปตากแดดมาเยอะๆ ก็อาจไปถี่กว่านั้นหน่อย ที่ทำส่วนใหญ่ก็ขัดหน้า นวดหน้า ละลายไขมันตรงเเก้ม เขาเรียกว่าทำ “เทอร์มาจ” ราคาครั้งละ 8,000-10,000 บาท แต่ต้องไปทำทุกเดือน

“ส่วนศัลยกรรมทำอย่างเดียวคือจมูก ราคา 200,000 บาท แพงนะ แต่ทำแล้วมันคุ้ม เพราะว่ามันสวยขึ้นจริงๆ แม่ก็ทำ อีกอย่างหมอเขาเก่ง มันดูเป็นธรรมชาติ พอทำเสร็จก็มีแต่คนมาชมว่าสวย เราก็ยิ่งมั่นใจ ถ่ายรูป มุมข้าง มุมไหนก็สวยขึ้น ทำงานก็จะโอเคขึ้น เพราะความมั่นใจนี่แหละ ถือว่าคุ้ม ถ้าไม่มีใครมาทักเลยนี่ เราต้องพิจารณาตัวเองล่ะนะ” กระแตเล่า

bookko

 

ขณะที่บุ๊กโกะ” ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล ดีเจคลื่นอีเอฟเอ็ม เล่าให้ฟังว่า “บุ๊กโกะไม่ปิดเรื่องการทำศัลยกรรม ทำแล้วสวยดูดีก็แชร์ได้ เพราะงานในวงการไม่ได้ใช้แค่ความสามารถอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยหน้าตา ถ้าบุคลิกดูดีก็ทำให้เรามั่นใจขึ้น

“ทำศัลยกรรมมาหมดทั้งหน้า จมูกทำมา 4 ครั้ง กำลังจะแก้รอบที่ 5 สมัยก่อนตาชั้นเดียว ก็เย็บหนังตากระตุก 3 จุด เหมือนเป็น 2 ชั้น ตาสวยแล้วก็อยากทำอีกเพราะมีปัญหาเรื่องหนังตามันห้อยลงมา ตอนนี้กำลังจะเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์สถานเสริมความงามหนึ่ง อยากให้ดูตอนทำเสร็จช่วงปลายปี ทำหน้าใหม่ทั้งหน้า ดูดไขมันทั้งตัว ตอนนี้หนัก 125 อยากให้เหลือ 90 กิโลกรัม ส่วนโบท็อกซ์ ร้อยไหม เป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ต้องเลือกหมอให้ถูกต้อง” บุ๊กโกะเล่าถึงการเสริมความงามของตัวเอง

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย “เดือนหนึ่งเสียเงินเยอะ อย่างต่ำก็ 30,000-50,000 บาท แค่เฉพาะดูแลผิวพรรณ ไม่เกี่ยวกับศัลยกรรม เพราะถ้าศัลยกรรมก็เป็นแสนบาท อย่างนวัตกรรมยกกระชับหน้าใน 1 ชั่วโมง ครั้งหนึ่ง 79,000 บาท

“ที่ทำเริ่มแรกหมอจะทำส่วนโครงหน้าให้ชัด อีกอาทิตย์หนึ่งนัดฉีดโบท็อกซ์ แล้ว 3 สัปดาห์มาร้อยไหมบางจุด ถ้ามีร่องแก้มก็ฉีดฟิลเลอร์มันทำให้เรามั่นใจได้ ส่วนน้องๆ วัยรุ่นที่ไม่มีรายได้ก็อย่าเพิ่ง แต่สำหรับเราถ้าต้องจ่ายก็สู้ตายเรื่องนี้ ยอมจ่าย ตอนนี้อายุ 27 ปี จะขึ้นเลข 3 แล้วกลัวมาก เพราะเพื่อนอายุเท่ากันดูแก่มาก สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมแก่เด็ดขาด” ดีเจบุ๊กโกะประกาศยอมจ่ายไม่ยอมแก่

“ถ้าสคบ.จะเข้ามาจัดระเบียบก็เห็นด้วย เพราะเดี๋ยวนี้มีคลินิกเถื่อนเยอะมาก อย่างเด็กๆ ที่อยากทำแต่เงินไม่พอก็เข้าใจ แต่สิ่งที่ตามมาคือต้องแก้หลายครั้ง แต่ควรจัดระเบียบเรื่องคุณภาพ ส่วนเรื่อราคาน่าจะสมเหตุสมผลของแต่ละที่ แล้วแต่ว่าใครจะไปเลือกทำ บังคับกันไม่ได้” ดีเจบุ๊กโกะเห็นด้วยกับการจัดระเบียบ

 

parypay

ส่วน แพรี่ พาย” อมตา จิตตะเสนีย์ ไฮโซสาวและเมกอัพ อาร์ติสต์ชื่อดังของเมืองไทย บอกว่า เมื่อก่อนที่ยังไม่ได้ทำงานในวงการแฟชั่น เวลาเห็นโฆษณา โปรโมชั่นเรื่องความสวยความงามตามสื่อต่างๆ ทั้งโฆษณา หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ก็จะเชื่อตาม แต่หลังเข้ามาในวงการ ทราบว่าโฆษณาความสวยความงามที่ออกมาไม่ตรงตามความเป็นจริง จึงไม่คิดอยากจะเชื่อสื่อเหล่านั้นอีก

“จากประสบการณ์ตรงของแพรทำให้รู้ว่าโฆษณาบางอย่างเกินจริง เช่น หน้ากระชับภายในหนึ่งชั่วโมง หรือผิวขาวใสภายใน 7 วัน ในแวดวงนี้หลอกลวงกันเยอะ บางครั้งอาจนำของปลอมมาใช้ สมัยนี้คนทำศัลยกรรมมากขึ้น แพรไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องไม่ดี เพราะผู้หญิงทุกคนก็อยากสวย แต่ก่อนตัดสินใจทำอะไรกับร่างกายอยากให้ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน อย่าทำตามกระแส และอยากให้มองไกลว่าปัจจุบันเราทำขนาดนี้แล้วอีก 10 ปีข้างหน้าเราต้องทำเพิ่มอีกขนาดไหน” สาวแพรแนะนำทิ้งท้าย

mayris

ด้าน “เมย์” ริสสรา จันทรรัตน์ เซเลบสาว บอกว่า ส่วนตัวไม่ค่อยกล้าใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การทำเลเซอร์ หรือการฉีดอะไรเข้าสู่ร่างกาย เพราะกลัวว่าจะมีผลต่อสุขภาพ ส่วนมากจะทำสปา พอกหน้า และอบตัวที่บ้านเท่านั้น นอกจากนี้ จะสนใจดูแลตัวเองจากภายใน

“เห็นด้วยที่ สคบ.จะเข้ามาดูแลสอดส่องสถานเสริมความงามมากขึ้น เพราะเท่าที่เห็นผู้ใช้บริการส่วนมากจะเป็นนักเรียน นักศึกษาที่มีไม่มีวุฒิภาวะ และอาจมีงบประมาณจำกัด อาจเลือกใช้บริการกับสถานประกอบการที่ไม่ถูกกฎหมาย หลายครั้งที่เด็กตามไม่ทันกลเม็ดของสถานประกอบการ ดังนั้น ควรจะรู้จักคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อน เพราะราคาแต่ละครั้งสูงมาก นอกจากนี้ ควรดูแลตัวเองจากภายในจะดีกว่า” สาวเมย์แนะนำวัยรุ่นอยากสวย

ที่มาจาก หนังสือพิมพ์มติชน

เรื่องน่าสนใจ