ล่าสุด (7 พฤศจิกายน 2559) พล.ต.ต. ทรงพล วัธนะชัย ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หลังจากมีการเผยแพร่คลิปดังกล่าว ทาง พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการมายังตนให้เร่งรัดการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเป็นธรรม เนื่องจากเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ

13

พล.ต.ต. ทรงพล กล่าวต่อว่า ผบ.ตร. เห็นคลิปแล้ว รู้สึกรับไม่ได้ เนื่องจากเป็นเพียงคดีจราจรปกติแต่กลับมีการทำร้ายร่างกาย ซึ่งตนก็รับไม่ได้เช่นกัน แต่ยืนยันว่าจะดำเนินคดีโดยเร็วและทำตามขั้นตอนของกฎหมาย การจะแจ้งข้อหาอะไรก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐานไม่ใช่เพราะกระแสสังคม ส่วนเรื่องที่มีการทำร้ายร่างกายกันนั้น จากการตรวจสอบภายในคลิปพบว่า มีการทำร้าย 3 ครั้ง และมีการกระชากกันข้ามถนนซึ่งเป็นการทำร้ายร่างกายฝ่ายเดียว แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถพิจารณาคดีได้จากคลิปเดียวได้ หลังจากนี้จะมีการเรียกพยานมาสอบสวน รวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากที่อื่น ๆ โดยคดีนี้แบ่งการดำเนินคดีเป็น 2 ส่วน คือ

1. การเฉี่ยวชน ซึ่ง นายกิตติศักดิ์ สิงโต ยอมรับว่าเฉี่ยวรถของ น็อต อัครณัฐ จริงแล้วหนีไป ส่วนรถแท็กซี่อีกคันนั้น ตนไม่ทราบว่ามีการพูดถึงหรือไม่ ซึ่งนายกิตติศักดิ์มีความผิดที่เฉี่ยวชนแล้วไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ โดยจะยึดรถทั้ง 2 คันที่เป็นคู่กรณีเพื่อตรวจสภาพประกอบหลักฐาน

2. กรณีมีเหตุทำร้ายร่างกาย มีหลักฐานชัดเจนคือ นายกิตติศักดิ์ ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ ซึ่งมีการส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเลิดสิน หากพบว่าบาดเจ็บสาหัสก็จะแจ้งข้อหาอาญา มาตรา 297 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี รวมทั้งต้องดูว่ามีการข่มขืนใจหรือหน่วงเหนี่ยวหรือไม่ หากมีก็ต้องเพิ่มข้อกล่าวหา และหากพบว่าดั้งจมูกหัก ต้องรักษานานเพียงใด เข้าข่ายเจ็บสาหัสหรือไม่ หากไม่สาหัสจะเป็นเพียงการทำร้ายร่างกายจะข้อหาลหุโทษโทษปรับ 1,000 บาท

58

เรื่องน่าสนใจ