ที่มา: Posttoday

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การใช้ มาตรา44 กำหนดให้วัดพระธรรมกายและพื้นที่โดยรอบเป็นพื้นที่ควบคุมนั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถบูรณาการกำลัง เข้าตรวจค้นจับกุม แต่พบว่า ขณะนี้มีการปลุกระดมมวลชนมาต่อต้าน การเคลื่อนไหวของแกนนำมวลชนที่เคยใช้ความรุนแรง และอดีตนักการเมืองเข้ามาในพื้นที่รวมทั้งการบิดเบือนข้อมูล สร้างภาพอันเป็นเท็จเพื่อปลุกกระแสในสังคมออนไลน์ 

“การแขวนป้าย We need food มีเจตนาบิดเบือน ว่า เจ้าหน้าที่ห้ามนำอาหารเข้าไปภายในวัด และพยายามจุดกระแสว่า คำสั่งตามมาตรา 44 คือประเด็นปัญหา จึงต้องการชี้ให้เห็นว่า เรื่องเป็นปัญหาร่วมกันของคนในประเทศ ที่กฎหมายอะไรก็ยุติคนไม่ดีไม่ได้ และวันข้างหน้าถ้าไม่มี มาตรา 44 ไม่มี คสช. จะอยู่กันอย่างไร และอนาคตจะเป็นอย่างไร การใช้กฎหมู่ไม่เคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม อันจะนำไปสู่ความเดือดร้อนวุ่นวาย” พ.อ.ปิยพงศ์กล่าว

ทีมโฆษกคสช.กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ตั้งแต่การเจรจา และขอเข้าตรวจค้น ตามคำสั่งของศาล ซึ่งนอกจะไม่ได้รับความร่วมมือแล้ว ยังถูกขัดขวางทุกวิถีทาง จนสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะนำไปสู่ความรุนแรงขึ้น คสช. จึงจำเป็น ต้องใช้กฎหมายพิเศษ เข้าควบคุมพื้นที่ดังกล่าว

ทั้งนี้ ยืนยันว่า คำสั่ง คสช. ไม่ได้กระทบกระเทือน ลิดรอนสิทธิ หรือสร้างผลกระทบ ต่อประชาชนโดยทั่วไป แต่เป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะกฎหมายปกติ ไม่สามารถทำได้

“คสช.ยืนยัน ที่จะดำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของประเทศชาติ บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและเสมอภาค เหมาะสมตามขั้นตอน และมั่นใจได้ว่าการบังคับใช้กฎหมายได้ดำเนินไปตามกรอบและคำสั่งของศาล และกระบวนการยุติธรรม ที่ถูกต้องสมบูรณ์ แม้ว่าอาจต้องใช้เวลา” พ.อ.ปิยพงศ์กล่าว

ป้ายกำกับ: |

เรื่องน่าสนใจ