บุ๋ม ปนัดดา ชี้แนะคิดให้ดี ก่อน ศัลยกรรม

boom2

ปนัดดา วงศ์ผู้ดี  หรือ “บุ๋ม” ดาราสาวเจ้าของธุรกิจร้อยล้าน เป็นหนึ่งในดาราที่กล้าออกมายอมรับอย่างเปิดเผยในการทำศัลยกรรมหน้าอก ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า สำหรับเรื่องศัลยกรรม ถ้าสมัยก่อนต้องปกปิดกันอย่างมาก ดาราเองไม่ยอมบอกความจริงกันว่าทำศัลยกรรม อะไรมา มีการอ้างเหตุผลไปต่าง ๆ นานา น้อยคนจะออกมายอมรับความจริง 

 

แต่สมัยนี้เปลี่ยนไป  เพราะผู้ชมเองต้องการความจริงใจจากดารา  ซึ่งเรียกว่า เป็นคนของประชาชน หลายคนออกมายอมรับ แต่บางคนบอกว่า ทำแต่ตา  แต่จมูกไม่ได้ทำ บางคนทำหลายอย่างมาก จนจำไม่ได้ว่าทำอะไรบ้าง  แต่บอกว่าทำนิดเดียว บอกบ้าง ไม่บอกบ้าง

 

แต่ในส่วนตัวบุ๋มเอง  เป็นคนตรงๆ  ขี้เกียจมานั่งจำว่า ตัวเองโกหกอะไรไป บอกไปตั้งแต่แรกว่า ตัวเองทำศัลยกรรมหน้าอก เนื่องจากว่า เมื่อมีลูกสาว”น้องอันดามัน” มีการให้นมลูก ทำให้หน้าอกที่เคยมี หายไปหลังจากที่หยุดให้นม เหลือเนื้อที่เคยมีอยู่ ทำให้ ไม่มั่นใจ เวลาใส่เสื้อผ้าไม่สวย ความรู้สึกคือ เราทำงานต้องใช้ทั้งรูปร่างหน้าตา  จึงไปทำศัลยกรรม เพื่อให้ได้ขนาดเดิม

 
บุ๋มเชื่อว่า การทำศัลยกรรม ถ้าทำให้คนคนนั้น  มีความสุขกับตัวเองมากขึ้น  เติมเต็มมากขึ้น  แก้ไขจุดด้อยของตัวเองมากขึ้น ก็ดี แต่ถ้าทำแล้วเหมือนเป็นโรคจิตอย่างหนึ่ง หยุดตัวเองไม่ได้  พอมีคนอื่นมาบอกน่าจะไปทำตรงนั้นตรงนี้เพิ่ม  บางคนวิ่งไปทำตามที่คนอื่นบอก  เติมตาหน่อยตาห่าง เติมจมูกอีกนิดหนึ่ง ฉีดโหนกแก้มเพิ่ม ผลสุดท้ายทำจนหน้าเละ อันนั้น คือ ไม่มั่นใจในตัวเอง

 

ในกระแสสังคมที่ต้องสวยต้องงาม ถ้าต้องการทำศัลยกรรมควรจะถามตัวเองก่อนว่า จะหยุดตัวเองได้หรือไม่  ถ้าหยุดไม่ได้ ปัญหาใหญ่ เพราะบางคนมีการทำศัลยกรรมเพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ ในหลายส่วนของร่างกาย ไม่สามารถหยุดตัวเอง จนแก้ไขอะไรไม่ได้

 

ดังนั้น บุ๋มคิดว่า ก่อนทำศัลยกรรมต้องคิดให้ดี  ไม่ใช่คิดว่าเสริมเข้ามา แล้วนำออกไป  ร่างกายคนเราไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ เพราะผิว หนังเคยยืดออกไปแล้ว เกิดเป็นรอยแผลเป็นต่าง ๆ ไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิม ดังนั้น  ถ้าเป็นไปได้แล้ว คิดให้ดีก่อน  หมอคือคน  มันมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้

 

ซึ่งหากเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้เป็นความตั้งใจของคุณหมอ แต่มันขึ้นอยู่กับกล้ามเนื้อของแต่ละคนด้วย  การฝืนตัว รอยแผลเป็น ระบบน้ำเหลือง ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับการศัลยกรรมหมด หากไปคิดว่า หมอคือ เทพเจ้า สามารถเสกให้สวย ให้หล่อภายในทันทีเป็นไปไม่ได้  บางคนทำการผ่าตัดศัลยกรรมเป็น 10ครั้ง กลายเป็นโรคจิต ภาษาในวงการเรียกว่า “ติดเข็ม” ทำแล้วหยุดไม่ได้ ต้องเติมนั่น เติมนี่ อันนั้นจะอยู่กันลำบาก

 

สังคมไทยยังไม่เป็นที่เปิดกว้างในเรื่องการทำศัลยกรรมเท่าไหร่ แม้สมัยนี้จะมีการเปิดกว้างมากขึ้น แต่หากถามว่า เปิดกว้างมากหรือไม่ ยังไม่ใช่ จะมีคำถามว่า เธอจะทำเพื่ออะไร

 

ตัวบุ๋มเองที่ผ่านมาทำศัลยกรรมหน้าอกเพียงอย่างเดียว เพราะใบหน้า พ่อของบุ๋มขอไว้ว่า อย่าทำ เพราะตอนที่เราได้ตำแหน่งมา ก็หน้าตาอย่างนี้ แล้วพ่อกลัวว่า เวลาเราเดินเข้าบ้านไป จะจำหน้าไม่ได้ เลยขออย่างเดียวว่า อย่าทำอะไรกับหน้า

 

ถึงวันนื้เสริมหน้าอกมาแล้ว 3 ปีกว่า ผลข้างเคียงอย่างเดียว คือ มีแผลเป็นที่เกิดขึ้นตรงรักแร้ เพราะเลือกใช้ถุงแบบซิลิโคน สาเหตุที่ไม่เลือกแบบถุงน้ำเกลือ เนื่องจากน้ำเกลือมีจุดระเหิดที่ต่ำกว่าซิลิโคน 

 

เมื่อมานั่งวิเคราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวเอง ชอบเข้าซาวน่า ชอบนอนแช่น้ำร้อนในบ่อน้ำแร่( ออนเซ็น)  เมื่อจุดระเหิดเกิดขึ้น ในถุงน้ำเกลือจะเกิดช่องอากาศ ถ้าไปทำอย่างนั้น สักพักหน้าอกจะมีเสียงครอกแคร๊ก เพราะเป็นอากาศอยู่ข้างในจึงเลือกใช้ถุงซิลิโคนทำให้เกิดแผลเป็น ตัวบุ๋มเองผ่าตัดในโรงพยาบาล  แต่ไม่ใช่โรงพยาบาลที่ทำศัลยกรรม  ค่าผ่าตัดประมาณ 120,000 บาท

 

กรณีที่มีข่าวมีการตรวจพบโรงงานผู้ผลิตถุงซิลิโคนในประเทศฝรั่งเศสใช้วัตถุดิบไม่ได้คุณภาพมาผลิต เราอ่านข่าวไปก็ตกใจว่า ส่วนผสมของซิลิโคนดังกล่าวสามารถติดไฟได้ คุยกันว่า  ถ้าไม่ได้สัมผัสไฟโดยตรง และตัวเราไม่ได้ร้อนจัดขนาดก่อบรรจุไฟได้ มันคงไม่มีปัญหาขนาดนั้น  เพราะมันคือ ส่วนผสมส่วนหนึ่ง แต่มันคือ อันตรายที่เกิดขึ้น และนี่คือสิ่งดี ๆ ในการศึกษาเพิ่มเติม ต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำ จะได้เป็นข้อเตือนใจสำหรับคนที่คิดจะทำว่า คุณจะทำหรือไม่ ก่อนจะทำต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง

  1. หมอไม่ใช่เทพเจ้า มันเกิดข้อผิดพลาดได้ แม้กระทั่งตอนนี้ อย่างบุ๋มเสริมหน้าอกมา 3 ปีกว่า หากครบ 5 ปีต้องเอาออกหรือไม่ ถ้าเอาออกแล้วจะเป็นอย่างไร เคยถามหมอเหมือนกัน เพราะออกทีวีแล้วตัวใหญ่ แล้วหน้าอกตัวเองก็เพิ่มมาเองอีก ก็ตกใจเหมือนกัน โดนข่าวหาว่าไปอัพไซด์อีก คิดว่าเราว่างงานมากหรืออย่างไร ใส่เข้า ใส่ออก ใส่เพิ่ม เคยถามคุณหมอว่า หากเอาซิลิโคนที่เสริมหน้าอกออกจะเป็นอย่างไร หมอบอกว่า ถ้าเอาออกเหมือนกับนับ 1 ใหม่เลย คือหนังที่เคยขยายออกไป มันจะเหี่ยวย่นอย่างไร แผลจะดีหรือไม่  จะติดเชื้อหรือไม่ การทำศัลยกรรมความเสี่ยงมันมี หมอคือคน
  2.  ผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน
  3. บางคนทำหน้าอกมาไม่ได้ออกมาสวยงามทั้งหมด  บางคนทำบนกล้ามเนื้อขึ้นมาถึงไหปลาร้า  บุ๋มทำบนกล้ามเนื้อ บางคนทำใต้กล้ามเนื้อ สูงต่ำไม่เท่ากันอีก

การทำศัลยกรรมของแต่ละคนจะมีปัญหามากมายแตกต่างกัน  ถ้าเป็นไปได้คิดให้ดีก่อน อย่างคิดว่า ทำจมูกถูกจัง  แต่เมื่อไปทำเกิดออกมาเบี้ยว เน่าอะไรจะเกิดขึ้น  สมมุติหมอทำศัลยกรรมไป 10 คน อาจจะมีออกมาแปลกสัก 1.2 คน เมือนกัน ขึ้นกับการดูแลตัวเอง ต้องดูแลเป็นพิเศษ  ไม่ใช่จะใช้ชีวิตได้ตามปกติทั่วไปได้ 100%

 

อย่างที่มีข่าวว่า พ่อแม่เกาหลีนิยมพาลูกไปศัลยกรรม ในฐานะที่บุ๋มเองมีลูกสาว คิดว่า ไม่เห็นด้วย หากเด็กอายุต่ำกว่า 25 ปี ส่วนใหญ่จะห้ามค่ะ บุ๋มทราบว่า เด็กยังหน้าเปลี่ยน  อย่างบุ๋มได้ตำแหน่งนางสาวไทยตอนอายุ 24 ปี กลับไปดูภาพเก่าตอนนั้น ไม่เหมือนเดิม ตอนนั้นหน้าแก่กว่าตอนนี้ด้วยซ้ำ โครงหน้าเราจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้เด็กต่ำกว่าอายุ 25 ปี บุ๋มแนะนำอย่าไปทำศัลยกรรมอะไรเลย เพราะร่างกายยังมีการเติบโต จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงหน้าของร่างกาย

 

สำหรับเทรนของสาว ๆ นิยมทำกันตอนนี้ส่วนมากจะเน้นทำจมูกกันมาก เพราะเวลาออกทีวีจะเป็นสัน หน้า เรียวขึ้น ยาวขึ้น  ชัดขึ้น แต่จมูกจะมีหลากหลายรูปแบบ  ถ้าสไตล์แบบเกาหลีจะใส่เป็นโครงยาว  สังเกตปากเกาหลีจะเจ่อขึ้นมาหน่อย  บางคนทำจมูกแต่ส่งผลดึงส่วนตาเข้ามาด้วย หน้าจะเปลี่ยนโหง้วเฮ็งจะเปลี่ยน ตอนนี้ทำจมูกจะไม่ใช้วิธีการใส่แท่งซิลิโคนเข้าไปทันที แต่จะใช้วิธีการฉีดเสริมเติมเต็ม(Filler)เข้าไป เพื่อดูความพอใจก่อน  ถ้าพอใจอีก 6 เดือนค่อยไปผ่าตัด พยายามลดวามเสี่ยงตัวเองกันมากขึ้น

 

นอกจากนี้ นิยมการทำศัลยกรรมเกี่ยวกับตา  เพราะการอยู่หน้าจอบางทีจะมีการโค้ดอัพเข้ามา โดยเฉพาะการทำตาสองชั้นยังนิยมทำกันอยู่   การทำเปลือกตาสองข้างให้เท่ากัน บางคนเกิดมาหน้าสองซีกไม่เท่ากัน การฉีดโบท็อก เพื่อให้รูปหน้าเรียว 

 

แต่ต้องเข้าใจว่า โบท็อกช่วยกระชับผิวหนัง ช่วยลดกล้ามเนื้อไม่ให้กล้ามเนื้อทำงาน  ช่วยในเรื่องกระดูกไม่ได้  ใครที่รูปหน้าใหญ่ เพราะกระดูกการฉีดโบท็อกช่วยไมได้ หรือเป็นไขมันที่หน้าก็ทำไม่ได้ บุ๋มเองเคยฉีดโบท็อกตรงใต้คิ้ว และใต้ตา

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับเทรนของสาวเกาหลีที่นิยมทำศัลยกรรมกัน เพราะเป็นประเทศที่เปิดกว้างในเรื่องศัลยกรรมมานานมาก  เหมือนกับเป็นการยอมรับว่า ถ้าหน้าดีจะได้งานที่ดี ดังนั้น ของขวัญจากพ่อแม่ คือ การได้ไปทำศัลยกรรม ตอนเรียนไฮลสคูลตามเพื่อนที่เป็นนางงามกาหลีเล่าให้ฟังว่า สาวเกาหลีจะนิยมไปทำศัลยกรรมกันช่วงปิดเทอม พอเปิดเทอมมาหน้าจะเปลี่ยนไป จะทักกันว่าสวยขึ้น

 

ต่างกับคนไทยจะอีกแบบหนึ่ง สมมุติใครไปทำจมูกมา คนไทยเราจะมองจมูกเขา คุย ๆ ไปจะมองจมูกอีกแล้ว แต่ถ้าเป็นคนเกาหลีจะชมว่า สวย และถามว่าทำที่ไหน กลายเป็นเรื่องเปิดกว้างมาก แต่ไม่ได้แนะนำให้คนไทยต้องเป็นอย่างนั้น โครงหน้าคนเกาหลีส่วนใหญ่จะหน้าเรียว บอกได้เลยว่า คนไทยหน้าตาดีที่สุดในเอเซียหลังจากไปมาทั่วโลกแล้ว ดังนั้น เวลาจะทำอะไรต้องคิดว่า ตัวเองต้องการทำสิ่งนั้นจริง ๆ อย่าไปทำตามเทรนเกาหลี ต้องไปทำ

 

เกาหลีทำแม้กระทั่งถุงใต้ตาให้เป็นกระพุงเล็ก ๆ แต่อย่าลืมเบ้าตาของคนเกาหลี กลม  โค้ง แต่สั้น  แต่คนไทยจะมีเนื้อระหว่างคิ้วลงมาเหนือตามาก ถ้าหากเราทำตาแบบคนเกาหลี เราจะตาบวม  เราจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ต้องปรับให้เข้ากับโครงสร้างของหน้าของบ้านเรา มีคนบอกถ้าอยากจะทำศัลยกรรมตั้งแต่ส่วนหัวเป็นต้นไป ให้ทำที่เกาหลี เพราะเกาหลีจะใช้ตะเกียบกินข้าว หมอจะมือนิ่งกว่าละเอียดอ่อนกว่า แต่ถ้าส่วนล่างมาหมอไทยเยี่ยมที่สุด แต่จริง ๆ เท่าที่สัมภาษณ์มาและดูชิ้นงานมา หมอไทยเก่งไม่แพ้หมอต่างประเทศ

 

ขอบคุณที่มาจาก มติชนออนไลน์

เรื่องน่าสนใจ