นางปะจิน วงศ์ศรีรา แม่ค้าขายพวงมาลัยหน้าวัดบวรนิเวศวิหาร เผยที่มาของคราบดังกล่าวว่าเป็นคราบกาแฟ ไม่ใช่คราบเลือด พร้อมระบุว่าเทพเจ้าจีนองค์ดังกล่าวมีชื่อว่าเซี่ยวกาง มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเรื่องโชคลาภและเรื่องทำมาค้าขาย เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวจีนมาเป็นเวลาช้านาน สมัยก่อนเมื่อผู้มาบนบานศาลกล่าวแล้วประสบผลดังหวังจะนำฝิ่นมาปั้นเป็นก้อนป้ายไว้ที่ปากองค์เซี่ยวกางเป็นการแก้บน

นางปะจินกล่าวอีกว่า สมัยก่อนที่ฝิ่นยังไม่เป็นสิ่งผิดกฎหมายจะมีผู้นำชุดฝิ่นจัดเป็นชุดเซ่นไหว้สำหรับแก้บน กระทั่งฝิ่นกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายจึงมีผู้คิดทำฝิ่นเทียมสำหรับแก้บนโดยใช้ผงกาแฟมาปั้นเป็นก้อนแทน เมื่อผงกาแฟถูกความชื้นและความร้อนจึงละลายไหลเยิ้มลงมาจนคล้ายคราบเลือดดังกล่าว

ด้านนายราม วัชรประดิษฐ์ คอลัมนิสต์ “พระเครื่องข่าวสด” เผยว่า เซี่ยวกาง หรือ เสี้ยวกาง เป็นรูปทวารบาลคือ ผู้รักษาประตู ที่สร้างตามคตินิยมแบบจีน มักทำไว้สองข้างประตู เชื่อกันว่าจะป้องกันภูติผีปีศาจไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปภายในได้ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคือ ประตูเซี่ยวกาง วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ อีกทั้งมีคนนิยมมาบนบานกับเซี่ยวกางแห่งนี้เป็นจำนวนมาก เมื่อสำเร็จสมหวังดังที่ขอ มักจะแก้บนด้วยพวงมาลัยและผงกาแฟดำทาที่ปากเซี่ยวกางจนดำเต็มปาก

11

นายรามกล่าวอีกว่า มีเรื่องเล่าตั้งแต่ในยุคที่เมืองไทยยังสูบฝิ่นโดยไม่ผิดกฎหมาย มีชาวจีนคนหนึ่งติดฝิ่นงอมแงมเสียชีวิตตรงบริเวณประตูแห่งนี้ เชื่อกันว่าวิญญาณของชาวจีนคนนั้นมาสถิตอยู่ที่ประตูเซี่ยวกางแห่งนี้ ในเวลาต่อมาความศักดิ์สิทธิ์ของดวงวิญญาณคนจีนที่สิงสถิตที่ประตูเซี่ยวกางแพร่สะพัดไปทั่ว ทำให้เกิดการสักการบูชาประตูเซี่ยวกาง ในระยะแรกนิยมแก้บนด้วยฝิ่น แต่ด้วยเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย วิธีแก้บนจึงกลายเป็นกาแฟดำ ดอกไม้ ธูปเทียนแทน

เครดิตจาก : สนุกดอทคอม

เรื่องน่าสนใจ