ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ

กลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งแตะจมูก หายใจเข้าไปพร้อมๆ กับนํ้าอุ่นๆ กับรสชาติชาที่กลมกล่อม ความร้อนจากถ้วยชาแผ่ออกมายังฝ่ามือ บรรเทาอากาศเย็นๆ จากฝนที่ตกลงมาปรอยๆ พร้อมกับสายลมเอื่อยๆ ที่ผสานการสัมผัสจากรสชาสู่ผิวกาย รอยยิ้มอ่อนๆ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนมุมปาก หนึ่งในความละเมียดละไมจากร้านชาเล็กๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ในเมืองเชียงใหม่ส่งต่อเป็นของขวัญให้นักเดินทางทุกคนที่ได้มาเยือน

app-P8152914-770x470

1P8152930

ลานหน้าบ้านไม้โบราณแบบชาวเหนือในอาณาบริเวณเดียวกับม่อนฝ้ายเรือนไม้สักโบราณชื่อดังเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์และละครที่มืเรื่องราวเกี่ยวกับทางเหนือหลายต่อหลายเรื่องคือที่ตั้งของ “ม่อนชงชา” ร้านชาเล็กๆ ที่ดึงความโดดเด่นของวัฒนธรรมชาวเหนือที่อยู่บนความเรียบง่าย โต๊ะไม้สักตัวโตถูกจัดวางอย่างสบายตาบนพื้นที่โรยด้วยกรวดกลมมนสีขาว ประดับประดาด้วยพันธุ์ไม้พื้นถิ่น หยุดความสับสนวุ่นวายและอากาศร้อนระอุภายนอกหายใจช้าๆ ไปกับชาอุ่นๆ แก้วเล็กๆ ในมือ

1P8152926

ชาชั้นดีถึง 5 ชนิด จากมณฑลฝูเจี้ยน พื้นที่ซึ่งสามารถปลูกชาได้มากที่สุดในสาธารณรัฐประชาชนชนจีน ที่เจ้าของร้านเดินทางไปเสาะแสวงหาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น ชาขาวป่า (Bai Ye Sheng) ชาที่ส่งกลิ่นหอมละมุนตั้งแต่สัมผัสกับนํ้าร้อนอุณภูมิพอเหมาะ นอกจากความสดชื่นและรสชาติชั้นเยี่ยมแล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยลดสารก่อมะเร็งอีกด้วย

1P8152905

ชาเข็มเงิน (Jun Shan Yin Zhen) ชาสีเหลืองอำพัน ให้รสชาติและกลิ่นหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ ช่วยผ่อนคลายอารมณ์และความตึงเครียดระหว่างวันได้เป็นอย่างดี กวนอิมเหล็ก (Tia Guan Yin) ชาอู่หลงที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ชุดแดงใหญ่ (Da Hong Pao) นอกจากให้ความสดชื่นแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายตื่นตัว กระฉับกระเฉง พร้อมรับเรื่องราวใหม่ๆ ได้ตลอดทั้งวัน

ผู่เอ๋อร์ในส้ม (Puer Orange) ชาชั้นดีที่นำไปหมักไว้ในผลส้มที่ปลูกในมณฑลกว่างโจวเพียงแห่งเดียวในโลก ด้วยระยะเวลาที่พอเหมาะทำให้กลิ่นของชา กรุ่นหอมอยู่ในลมหายใจ นอกจากความสดชื่นแล้วชาผู่เอ๋อร์ยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย คนจีนจึงนิยมทานเพื่อลดนํ้าหนัก และชาชนิดสุดท้ายที่ต้องห้ามพลาดในการมาเยือนม่อนชงชาก็คือ ชาอู่หลงโสม ชาขาวทรงเม็ดกระดุมสีเขียวสวย ให้ความสดชื่นตั้งแต่แรกสัมผัส หากยังไม่รู้ว่าจะลองชารสใด ชาอู่หลงโสมจะเป็นตัวเลือกสำหรับการเริ่มต้นที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน

1P8152913

การเสิร์ฟของม่อนชงชาแบ่งออกเป็น 3 ประเภท โดยราคาขึ้นอยู่กับชนิดของชา คือแบบ Glass (ทานได้ประมาณ 3 ถ้วยชา) ราคาอยู่ที่ 50-60 บาท แบบ Couple Set ราคา 140-200 บาท และแบบ Group Set ราคา 220-350 บาท เสิร์ฟพร้อมขนมกลีบลำดวนรสชาติต้นตำรับ เข้ากับชาแต่ละรสได้อย่างไม่น่าเชื่อ มีกานํ้าร้อนขนาดใหญ่ส่งถึงโต๊ะให้เราได้ลองชงชากันอย่างจุใจ

1P8152932-377x503

นอกจากการได้ลิ้มรสชาติชาดีแล้วอีกหนึ่งความประทับใจที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือรอยยิ้มต้อนรับแบบฉบับชาวเหนือการเล่าเรื่องราวเกล็ดความรู้ด้วยภาษาเหนือทำให้เราเพลิดเพลินไปกับการนั่งมองดูเธอหยิบโน่นจับนี่เสียงนํ้าที่ไหลออกจากกาใบเล็กกลายเป็นความไพเราะที่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีใดๆมาขับกล่อมความประทับใจครั้งแรกมาสู่ความทรงจำที่ฝากมากับถุงชาที่ติดใจจนต้องซื้อกลับบ้าน

1P8152928

บางครั้งการพักผ่อนอาจต้องการเพียงมุมเล็กๆที่จิตได้อยู่ตัวได้เห็นได้คิดมีสมาธิกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและม่อนชงชาได้สร้างสิ่งนี้ให้กับเรา แวะเวียนไปเชียงใหม่คราวหน้า ลองหยิบหนังสือสักเล่มขับรถแวะไปที่เฮือนม่อนฝ้าย ชาร้อนๆ จากม่อนชงชารอทุกคนอยู่ที่นี่ ติดตามความรู้และรสชาติใหม่ๆ จาก Facebook/ม่อนชงชา “ชา-วัตถุโบราณที่ดื่มได้”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3083 วันที่ 30 สิงหาคม – 2 กันยายน พ.ศ. 2558

เรื่องน่าสนใจ