แพทย์เตือนคนเป็น สิวอักเสบ บริเวณที่จะทำศัลยกรรม เสี่ยงอักเสบติดเชื้อ

รู้หรือไม่? สิวส่งผลต่อขั้นตอนก่อนและหลังทำศัลยกรรม กล่าวคือ ก่อนทำศัลยกรรม หากเรามี สิวอักเสบ ในบริเวณใกล้เคียงกับจุดที่ต้องผ่าตัด คุณหมออาจต้องพิจารณาก่อนว่าจะทำได้หรือไม่ เนื่องจากสิวบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการอักเสบ หรือติดเชื้อจนถึงขั้นต้องถอดซิลิโคนออก ส่วนหลังทำศัลยกรรมก็มักจะพบปัญหาสิว เนื่องจากล้างหน้าไม่สะดวก ทั้งยังต้องระวังไม่ให้น้ำโดนแผล ทำให้เกิดสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ในผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว

พญ.ณัฏฐ์อาภา กุลกนกวรรณ (หมอนัท) แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพโรงพยาบาลตำรวจ เผยว่า ก่อนการทำศัลยกรรมหากมีสิวอักเสบ (ซึ่งเป็นสิวที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย) แพทย์จะไม่สามารถทำ ศัลยกรรมบริเวณนั้นๆได้ เนื่องจากอาจให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงในบริเวณที่ผ่าตัดได้ เช่น การผ่าตัดเสริมจมูก ในขณะมีสิวอักเสบบริเวณจมูก ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อที่แผลผ่าตัดและซิลิโคน หากรุนแรงอาจถึงขั้นต้อง นอนโรงพยาบาลเพื่อฉีดยาปฏิชีวนะ และถอดซิลิโคนออกได้ค่ะ

ดังนั้น ก่อนทำศัลยกรรม เราควรรักษาสิวให้พ้นจากระยะอักเสบเสียก่อน และหลังผ่าตัดก็ควรระวังไม่ให้เกิดสิวอักเสบ ซึ่งวิธีเบื้องต้นในการดูแลผิวหน้าคือการปรับกิจวัตรของเราให้ถูกสุขลักษณะ ดังนี้

  • ล้างหน้าให้สะอาด แต่ไม่ล้างบ่อย เพราะจะทำลายฟิล์มเคลือบผิวและความชุ่มชื้น
  • งดแต่งหน้า เพื่อลดโอกาสในการเกิดสิว
  • ไม่ควรแกะสิว หรือสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ เพราะมือเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคและแบคทีเรียชั้นดี
  • ผ่อนคลายความตึงเครียด เพราะความเครียดทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน ก่อให้สิวง่ายขึ้น
  • นอนหลับให้เพียงพอ เพื่อส่งเสริมให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนตามปกติ
  • ทานอาหารอย่างเหมาะสม เน้นผักและผลไม้ เพื่อช่วยให้ขับถ่ายเป็นปกติ

อย่างไรก็ตาม ถ้าวิธีตั้งรับด้านบนไม่ได้ผลและยังมีสิวอักเสบโผล่มากวนใจอีก คราวนี้ก็ต้องใช้วิธีรุก! เพื่อกำจัดสิวออกไปให้ได้ ลองมาดูกันค่ะว่ามีวิธีอะไรบ้าง…

  • ใช้ยาแต้มสิว : วิธีนี้ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากสะดวก และหาซื้อง่าย แต่รู้หรือไม่ว่าการทาครีมแต้มสิวเป็นเพียงการรักษาที่ ‘ปลายเหตุ’ ไม่ช่วยยับยั้ง ‘ต้นตอ’ ของการเกิดสิวดังนั้น พอแต้มยาให้สิวยุบไป ก็จะเกิดสิวใหม่ขึ้นมาอยู่ดี และไม่ควรใช้บ่อย โดยเฉพาะตัวที่มีส่วนผสมของยาปฎิชีวนะ เพราะอาจทำให้ดื้อยาได้ และตัวที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ที่หากใช้ต่อเนื่องอาจทำให้ผิวมีอาการติดสเตียรอยด์ นำไปสู่ปัญหาผิวลุกลามและยากจะแก้ไข
  • ฉีดสิว : ข้อดีของการฉีดสิวคือทำให้สิวยุบเร็วทันใจ แต่ข้อเสียที่หลายคนอาจจะไม่ทราบคือยาที่นำมาฉีดส่วนใหญ่คือยาสเตียรอยด์ ที่เน้นรักษาที่ปลายเหตุ แต่ไม่ได้มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรใช้บ่อย เนื่องจากจะทำให้เสี่ยงกับอาการผิวติดสิวสเตียรอยด์ ซึ่งจะรักษายากมากและสามารถเรื้อรังได้หลายปี
  • ดูแลรักษาสิวจากภายในร่างกาย

สำหรับวิธีสุดท้ายนั้น ต้องอธิบายเพิ่มเติมสักหน่อย เนื่องจากเป็นแนวทางที่ค่อนข้างให้ผลดีและเห็นได้ชัด ด้วยการรับประทานวิตามิน แร่ธาตุ หรืออาหารเสริม เพื่อให้ร่างกายทำงานอย่างสมดุล และแสดงออกผ่านทางใบหน้าที่เนียนใสไร้สิว

ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเป็นที่นิยมอย่างมากต่อการดูแลผิวพรรณและปัญหาสิวจากภายใน ซึ่งในการเลือกซื้ออาหารเสริมนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรกคือ “ความปลอดภัย” ควรเลือกยี่ห้อที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน น่าเชื่อถือ และไม่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ซึ่งในวันนี้เรามีมาให้เลือก 4 ตัวเลือกด้วยกัน แต่ละตัวก็จะมีสรรพคุณและเหมาะกับสิวแต่ละประเภทแตกต่างกันออกไป อ่านแล้วลองพิจารณาดูนะคะว่าตัวเองเหมาะกับทางเลือกไหน

1. Blackmore Zinc

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีสิวอักเสบ
ส่วนประกอบหลัก : Zinc
กลไกการทำงาน : Zinc มีคุณสมบัติช่วยลดต่อต้านแบคทีเรียก่อสิว ช่วยยับยั้งการเกิดสิว ลดหน้ามัน ลดอาการอักเสบ และช่วยสมานแผล

ข้อดี: เมื่อทานในปริมาณที่เหมาะสมจะมีสรรพคุณช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ลดสิวอักเสบ ลดหน้ามัน
ข้อเสีย: ในบางรายอาจมีสิวเพิ่มขึ้น Zinc จึงเหมาะสำหรับบางคนและควรปรึกษาแพทย์ อาจต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือนจึงจะเห็นผล และควรหยุดทานทุก 2-3 เดือน เพื่อไม่ให้ตับและไตทำงานหนักมากเกินไป

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.blackmores.co.th/

 

2. Nutriva AC

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีสิวอักเสบ สิวฮอร์โมน สิวอุดตัน สิวผด และสิวสเตียรอยด์
ส่วนประกอบหลัก : สาร SOD Extramel® จากผลไม้ สารสกัดจากข้าวญี่ปุ่น และ สารสกัดจากกีวี
กลไกการทำงาน : สาร SOD มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ ทำให้สิวยุบเร็ว ช่วยสมานแผล ลดการเกิดรอยแผลเป็น และฟื้นฟูผิวที่อ่อนแอให้กลับแข็งแรงขึ้น ขณะที่สารสกัดจากกีวีจะช่วยลดความมันส่วนเกินและช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อสิว และสารสกัดจากข้าวญี่ปุ่นจะช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ

ข้อดี: เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ จึงสามารถทานต่อเนื่องแบบ long term ได้อย่างปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อตับหรือไต เห็นผลค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับอาหารเสริมชนิดอื่น ใช้ได้กับสิวหลายประเภท โดยเฉพาะสิวฮอร์โมนและปัญหาสิวสเตียรอยด์เรื้อรัง ไม่มีผลข้างเคียงทำให้ปากแห้ง ผิวแห้ง หรือตาแห้ง เหมือนการใช้ยาบางกลุ่ม ทานต่อเนื่องช่วยแก้ปัญหาผิวแพ้ง่ายให้แข็งแรงขึ้นได้
ข้อเสีย: ราคาสูงเมื่อเทียบกับยาเคมีรักษาสิวประเภทอื่น เนื่องจากส่วนประกอบต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/nutrivathailand หรือชมภารกิจพิชิตสิวใน 12 วันของ 3 สาวที่นี่

และวิธีดูแลสิวจากพี่ม้า-อรนภา ที่นี่

 

3. ยาคุมกำเนิด

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่เป็นสิวอักเสบ สิวฮอร์โมน หน้ามันเยิ้ม
ส่วนประกอบหลัก : ฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง)
กลไกการทำงาน : สิวฮอร์โมนเกิดจากการที่ฮอร์โมนแอนโดรเจน (ฮอร์โมนเพศชาย) มากเกินไป ฮอร์โมนดังกล่าวจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากกว่าปกติ ทำให้เกิดการอุดตันที่ผิวหนัง การทานยาคุมกำเนิดจะช่วยปรับความสมดุลของระดับฮอร์โมน ทำให้อาการหน้ามันน้อยลง ลดแบคทีเรียบนผิว และช่วยให้สิวลดลง

ข้อดี : หน้ามันน้อยลง สิวอักเสบลดลง มีของแถมเป็นผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล หน้าอก-สะโพกขยาย เนื่องจากตัวยาทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำได้มากขึ้น
ข้อเสีย : อาจมีอาการตัวบวม หากทานต่อเนื่องอาจเกิดฝ้าและกระ เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมและมีบุตรยากในอนาคต ในบางรายพบว่ามีผลต่อสภาพอารมณ์ เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า

 

4. ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่เป็นสิวรุนแรง สิวเห่อเต็มหน้า ดื้อยาปฏิชีวนะ
ส่วนประกอบหลัก : Isotretinoin
กลไกการทำงาน : Isotretinoin จะช่วยกดการทำงานของต่อมไขมัน ลดการอักเสบของสิว และลดแบคทีเรียก่อสิว

ข้อดี : ลดการผลิตไขมัน ลดหน้ามันได้ดีมาก ลดจำนวนแบคทีเรียซึ่งเป็นตัวการก่อสิว ลดสิวอุดตันและสิวอักเสบ
ข้อเสีย : ผู้ที่ทานจะมีอาการผิวแห้ง ปากแห้ง ตาแห้ง ผิวหนังบอบบางไวต่อแดด ไม่ควรทานต่อเนื่องเกิน 3 เดือนเพราะส่งผลเสียต่อตับและไต และสิ่งที่ควรระมัดระวังมากที่สุดคือ สตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทานยาประเภทนี้เด็ดขาด เพราะอาจทำให้ทารกพิการหรือเกิดภาวะแท้งได้

ใครสนใจอาหารเสริมหรือยารักษาสิวแบบไหน ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อความปลอดภัยด้วยนะคะ

นอกจากสิวจะเป็นปัญหาและอุปสรรค์ก่อนจะทำศัลยกรรมแล้ว ยังเป็นปัญหากวนใจที่ทำให้เราเสียความมั่นใจได้เช่นกัน ดังนั้น อย่าปล่อยให้สิวบุกหน้า เพราะว่าเราป้องกันได้ และรีบเคลียร์สิวให้หมดไปทั้งก่อนและหลังศัลยกรรม เพื่อความมั่นใจที่มาพร้อมกับหน้าใหม่ไร้สิวกันนะคะ


ขอบคุณที่มาจาก www.blackmores.co.th ,www.nutrivathailand.com , www.facebook.com/nutrivathailand

เรื่องน่าสนใจ