อายุไม่มาก แต่ใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อย โดยเฉพาะบริเวณแก้ม และใต้คาง แต่ไม่อยากผ่าตัด จะสามารถร้อยไหมได้หรือเปล่านะ แล้วการร้อยไหมมีกี่แบบ? วิธีการเป็นอย่างไร? และจะให้ผลดีแค่ไหน? มาหาคำตอบกันค่ะ

การใช้ไหม เพื่อการแก้ปัญหาการหย่อนคล้อยของใบหน้า มีมานานร่วม 20 ปี แล้ว แต่เนื่องจากมีปัญหาหลายอย่าง เลยทําให้การรักษาด้วยวิธีนี้ ยังไม่เป็นที่นิยมในสมัยนั้น เช่น ไหมที่ใช้ในอดีต จะมีขนาดใหญ่ อาจเป็นแบบแง่ง คล้ายก้างปลา หรือมีลักษณะเป็นกรวยขนาดเล็ก หลักการก็คือใช้แง่งก้างปลา เป็นตัวยึดรั้งผิวบริเวณที่ต้องการยก เช่น ช่วงแก้ม โดยที่ปลายด้านนี้ ยึดเกี่ยวเข้ากับผิวชั้นลึก ส่วนปลายอีกด้าน ก็จะร้อยขึ้นไปยืดผูกกับชั้นพังผืดเหนือกล้ามเนื้อ บริเวณขมับเหนือใบหู การยึดไม่สามารถทําได้ทั่วทุกบริเวณ โดยเฉพาะบริเวณที่มีเนื้ออ่อนบอบบาง เช่น ใต้ตา เพราะอาจทําให้บอบช้ำมาก

อายุไม่มาก
ภาพจาก aestheticallybella.com

ส่วนไหมที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นรูปแบบใหม่ คือขนาดจะเล็กลง และใช้ร้อยเข้าได้ผิวเป็นจํานวนมาก โดยไม่ต้องมีการยึดเกี่ยวเกี่ยวที่ปลายไหม กลไกการออกฤทธิ์คือการกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนขึ้นรอบเส้นไหม ทําให้เกิดแรงดึงรั้งระหว่างเส้น เกิดการยกกระชับของผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ประโยชน์ที่สำคัญอีกอย่างคือ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และฟื้นฟูผิว (Rejuventuation attract) ทําให้ใบหน้าไม่เพียงแค่ดูกระชับเท่านั้น แต่ยังดูอิ่มเอิบ และผ่องใสด้วย

ปัจจุบัน ไหมที่ใช้หลักการนี้มีหลายแบบ หลายยี่ห้อ บางยี่ห้อก็ร้อยเข้าผิวแบบกึ่งเกี่ยวผิว บางแบบก็ร้อยเข้าผิวตรงๆ จะได้ผลดีหรือไม่นั้น อยู่ที่ 2 ปัจจัยหลักๆ คือ ความชำนาญของแพทย์ผู้ทํา และจํานวนไหมรวมที่ร้อยเข้าผิว คือถ้าใช้ใหมเส้นเล็ก ร้อยจํานวนมาก ร้อยละเอียด ให้ทั่วทุกส่วนของใบหน้า ก็จะได้ผลการรักษาที่ดีกว่านั่นเอง เพราะไหมเส้นเล็ก จะทําให้ผิวบอบช้ำน้อย การใช้จำนวนเส้นมาก จะกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจน และฟื้นฟูผิวได้ดีกว่านั่นเอง

ประเภทของไหมร้อยหน้า

  • ไหมชนิดไม่ละลาย
    ได้แก่ ไหมที่ทำจากพลาสติก และไหมที่ทำจากโลหะ ซึ่งต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์อย่างมาก ในการผ่าตัด
  • ไหมชนิดละลายได้
    คือ ไหม PDO (แบ่งออกเป็น “ไหมเกลียว” และ “ไหมเงี่ยง”) และไหม (หรือไหมกรวย)

••••••••••••••••••••••••

ส่วนเทคนิคการร้อย จะร้อยตรงๆ หรือจะร้อยซิกแซ็กแบบกึ่งเกี่ยวผิวนั้น ได้ผลเท่ากัน เพราะทั้ง 2 วิธีใช้ใหมประเภทเดียวกันนั่นเองค่ะ

 

เนื้อหาโดย Dodeden.com

เรื่องน่าสนใจ