ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

นพ.สุเมธ องค์วรรณดี ผอ.สำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวี ภาพรวมแม้จะมีแนวโน้มลดลง โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในปี 2558 ประมาณ 7,324 คน และผู้ติดเชื้อที่ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 426,707 คน ซึ่งในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ กลุ่มชายรักชาย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา

EyWwB5WU57MYnKOuYBkktFF43CBaYSWaUmboNASWUlTZBv31cBToVn

โดยสถานการณ์ในกลุ่มนี้หลังจากการรณรงค์อย่างต่อเนื่องพบว่ามีความเปลี่ยนแปลงในเชิงการป้องกัน โดยมีการเข้ารับการตรวจเลือดเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของผู้มาตรวจเลือด ส่วนอัตราการใช้ถุงยางอนามัยครั้งสุดท้ายในรอบ 6 เดือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่การใช้ถุงยางอนามัยเป็นประจำถือว่ายังอยู่ในอัตราต่ำเพียงร้อยละ 50 สำหรับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ยังพบอยู่ คือ โรคซิฟิลิส หนองใน กามโรค และพบว่าสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการติดโรคในกลุ่มอายุ 15-20 ปีที่มีสัดส่วนมากที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มนี้ เช่น โรคซิฟิลิส มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้ออย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่การติดเชื้อลดต่ำมาเป็นเวลาหลายปี

นพ.สุเมธกล่าวต่อว่า ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจต้องระวังการติดเชื้อเอชไอวีมากขึ้น เช่น กามโรค นั้นจะทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดโอกาสรับเชื้อเอชไอวีได้ง่ายขึ้น สำหรับ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น ซิฟิลิส การรักษาปัจจุบันมีประสิทธิภาพ ฉีดยาเพียง 1 เข็มก็หายได้หากพบในระยะเริ่มต้น

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีอาการมักไม่สนใจพบแพทย์ ทำให้เชื้อยังแฝงอยู่ในตัวและจะกลับมาพบแพทย์อีกครั้งเมื่ออาการเข้าสู่ระยะที่ 2 หรือ 3 ที่ทำให้เกิดอาการ เช่น ผมร่วง มีอาการที่ผิวหนัง ซึ่งหากรุนแรงมากจะเกิดโรคที่หลอดเลือดหัวใจ หรือ สมองได้ แต่ไม่พบอาการรุนแรงในไทย ทั้งนี้ ผู้ที่มีเชื้อแฝงยังทำให้เกิดการติดต่อสู่คู่นอนและเด็กแรกเกิดได้ด้วย.

เรื่องน่าสนใจ