เดินหน้าท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ครบวงจร หวังดึงดูดต่างชาติ

เดินหน้าโครงการส่งเสริมการ ท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ให้บริการแบบครบวงจร ทั้งโรงแรม สปา ทันตกรรม และการศัลยกรรมเสริมความงาม พร้อมเยียวยาผู้ป่วยต่างชาติหากเกิดความผิดพลาดทางการรักษา หวังสร้างความเชื่อมั่น คาดเริ่มโครงการได้ในปีนี้

นพ.อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ นายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะ นี้สมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เตรียมที่จะคัดเลือกตัวแทนจากภาคโรงแรม สปา ทันตกรรม และการศัลยกรรมเสริมความงาม อย่างละ 2 แห่ง รวมจำนวนเป็น 8 แห่ง ในการทำโครงการยกระดับความเป็นเลิศแพทย์ด้านศัลยกรรมตกแต่งความงามของไทย เพื่อสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ได้ออกกฎกระทรวงสาธารณสุข และประกาศกระทรวงมหาดไทย ภายใต้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.2556 ที่อนุญาตให้ 6 ประเทศนำร่องในกลุ่มประเทศอาหรับ ได้แก่ ราชอาณาจักรบาห์เรน รัฐคูเวต รัฐสุลต่านโอมาน รัฐกาตาร์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สามารถพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยพร้อมผู้ติดตามไม่เกิน 4 คน เป็นระยะเวลา 90 วัน

“การคัดเลือกตัวแทนทั้ง 8 แห่งนั้น มีการหารือไปแล้วนัดหนึ่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปและสามารถทำการตลาดในต่างประเทศได้ภายใน ก.ย.นี้ และจะเห็นเป็นรูปธรรมภายในปี 2556 เชื่อว่าหากโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์จะได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ เนื่องจากมีการให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งเรื่องที่พักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวกในเรื่องสปา โดยเฉพาะการรักษาทางทันตกรรมและการศัลยกรรมเสริมความงาม ซึ่งจะอำนวยความสะดวกทั้งผู้ป่วยและญาติของผู้ป่วย” นพ.อรรถพันธุ์ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ชาวต่างชาติเมื่อเดินทางมาใช้บริการในไทยมักจะมีปัญหาในเรื่องดังกล่าว จึงส่งผลให้เกิดโครงการนี้ขึ้นมา รวมไปถึงเป็นการรองรับการเปิดอาเซียนด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการส่งออก นอกจากนี้ ทางสมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์จะดูแลเรื่องของการเยียวยาและรักษาคนไข้ หากเกิดกรณีผิดพลาดในการรักษา เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติในการเข้ามารับบริการในไทยด้วย

 

ขอบคุณข่าวจาก www.manager.co.th

เรื่องน่าสนใจ