Makeup Base และ Foundation มีคุณสมบัติเพื่อแก้ไขปัญหาผิวให้ดูเรียบเนียนนั้นเป็นเรื่องที่ยาก ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์และวิธีการให้ถูกต้องตรงจุด รับรองว่าคุณจะมีผิวที่เนียนสวยได้แน่นอนค่ะ
เมื่อสีผิวไม่สม่ำเสมอ
คนไทยส่วนใหญ่มีผิวผสม ซึ่งสภาพผิวมีทั้งบริเวณที่แห้งและมัน ดูแลยาก ยิ่งเมื่อเจอปัญหาจากสภาพอากาศร้อนชื้น และมลภาวะในบ้านเรา ทําให้หลายคนรู้สึกว่าสีผิวดูไม่ค่อยสม่ำเสมอ มีอาการจ้ำแดง และมีบ้างที่เห็นได้ชัดว่าแดงกว่าสีผิวจริงมาก ผิวหน้าจึงดูไม่กระจ่างใส ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการใช้เบสเมกอัพหรือรองพื้นเนื้อบางเบาโทนสีที่ออกเหลือง เพื่อลดค่าสีแดงลงให้เกิดความสมดุล
เมื่อสีผิวแลดูหมอง
การพักผ่อนน้อย จะส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำเพราะร่างกายหมดพลัง ระบบไหลเวียนโลหิตทําได้ไม่เต็มที่ แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก โดยขอจำแนกวิธีการลดเลือนความหมองตามประเภทสีผิว ดังนี้ค่ะ
ผิวที่ค่อนข้างสว่าง
จะดูเหลืองขึ้น หากเลือดสูบฉีดได้ไม่ดี ผิวดูไม่สดใส แก้ไขได้ด้วยเบสสีพีช หรือเบสสีชมพูสำหรับผิวที่สว่างมากๆ
ผิวสองสี
จะหมองและออกเหลืองมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวหน้าดูคล้ำเหมือนผิวสีมะกอกที่ออกเขียวๆ แก้ไขได้ด้วยเบสสีม่วงหรือเบสสีฟ้า โดยต้องใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยเพื่อลดค่าสีที่ไม่สมดุลก่อนเริ่มลงรองพื้น
ผิวเข้ม
การหมองคล้ำคือดูขาดความเปล่งปลัง ใช้เบสที่มีสีแซลมอนหรือโทนส้ม เพื่อเรียกความสดใสและลดค่าสีน้ำเงินจากเส้นเลือดดําให้จางลง จะทําให้ผิวหน้าดูสว่างขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
หมองเพราะผิวอักเสบ
ผิวจะแดงอย่างชัดเจนจากอาการระคายเคือง เบสที่เลือกควรเป็นสีเขียวอ่อน หากมีพื้นฐานผิวสว่างมาก และเลือกเบสสีเหลืองอ่อนสําหรับพื้นฐานผิวสาวเอเชีย และอาจเลือกเนื้อสัมผัสแบบซิลิโคลน ซึ่งให้ความรู้สึกสบายผิว และยังสร้างฟิล์มบางๆ ไม่ให้ผิวต้องสัมผัสกับเมกอัพอื่นๆ จนระคายเคืองมากขึ้นไปอีก
ถ้าคุณมีผิวที่ดูอ่อนเยาว์ สดใสอยู่เเล้ว
ระดับ 1-3 เป็นรองพื้นเนื้อบางเบามากๆ ให้นึกถึงการใช้ผ้าชีฟองบางๆ ที่สามารถมองทะลุผ่านไปเห็นผิวจริงได้ รองพื้นในกลุ่มนี้มีค่าเช่นเดียวกับเบสหรือคอร์เร็กเตอร์ แต่มีโทนสีที่เหมือนผิวตามธรรมชาติมากกว่า หากคุณมีผิวหน้าที่สุขภาพดีและอยากให้ผิวมีฟิลเตอร์ ควรเลือกรองพื้นในกลุ่มนี้ ที่สําคัญคุณสามารถเลือกใช้รองพื้นที่สว่างกว่าผิวได้ เพื่อให้ใบหน้าแลดูกระจ่างใส หรือในบางครั้งรองพื้นที่ออกโทนสีพีช ก็ช่วยปรับสมดุลสีผิวที่ออกเหลืองมากๆ ให้ดูกระจ่างใสได้เช่นเดียวกัน
ถ้าอยากให้ผิวเรียบเนียนในช่วงที่สีผิวดูไม่สม่ำเสมอ
ระดับ 7-8 เป็นรองพื้นที่เรียกได้ว่าเกือบจะปกปิดขั้นสุด แต่ยังให้ความรู้สึกของผิวที่สวยอยู่ มีความยืดหยุ่นดี แต่ต้องอาศัยความประณีตในการลงรองพื้น เพื่อให้มีความสม่ำเสมอ ไม่ดูเหมือนหน้ากาก การเตรียมผิวให้มีความชุ่มชื่นก็เป็นเรื่องสําคัญที่จะช่วยให้ลงรองพื้นในกลุ่มนี้ได้อย่างเรียบลื่น และอาจไม่จําเป็นต้องใช้ไพรเมอร์สำหรับรองพื้นในกลุ่มนี้อีก เพราะเนื้อรองพื้นที่ข้น สามารถสร้างเลเยอร์ด้วยตัวเองได้อยู่แล้ว
ถ้าต้องการปกปิดแบบบางเบา
ระดับ 4-6 เป็นรองพื้นที่ยังให้ความรู้สึกเบาสบาย บางเบา แต่มีเม็ดสีที่เข้มขึ้น เป็นรองพื้นที่แนะนําในการใช้ทั่วๆไปสําหรับทุกวัน รองพื้นในกลุ่มนี้มักจะมีส่วนผสมของสารกันแดดมาด้วย ซึ่งช่วยให้ขั้นตอนการเตรียมผิวทําได้อย่างรวดเร็วขึ้น รองพื้นในกลุ่มนี้จะยังให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผิวธรรมชาติ แต่ให้การปกปิด ในกรณีที่มีริ้วรอยเป็นจ้ำแดง หรือรอยแผลเป็นจางๆ จากสิว ควรใช้คอร์เร็กเตอร์ปรับสี แล้วตามด้วยรองพื้นในกลุ่มนี้ ก็จะได้ผลลัพธ์ผิวที่ดูเนียนสนิท
ถ้าต้องการปกปิดขั้นสุดในวันที่ออกงานสำคัญ
ระดับ9-10 เป็นรองพื้นที่เรียกได้ว่าลืมผิวเดิมไปได้เลย คือออกแบบมาเพื่อปกปิดจริงๆ ไม่เหมาะกับการใช้ทุกวัน เว้นแต่จะมีความกังวลใจจนต้อง ปกปิดจริงจัง แต่ต้องดูแลผิวเป็นพิเศษด้วยการทําความสะอาด และเติมความชุ่มชื่นให้ผิวเต็มที่ เพราะรองพื้นกลุ่มนี้จะเต็มไปด้วยพิกเมนต์สีและอณูที่ยึดเกาะกับผิว จนสามารถเลเยอร์ให้มีความหนาและเเน่น ทนเหงื่อและน้ำมันบนผิวได้ดี หรือจะลองคิดถึงการใช้คอนซีลเลอร์แทนรองพื้นก็ได้
ผิวสัมผัสที่ตอบโจทย์พื้นผิวไม่เรียบเนียน ความด้านซึ่งปราศจากความมันเงาโดยสิ้นเชิง จะช่วยทําให้ทุกอย่างดูสม่ำเสมอ แต่ก็อาจทําให้ใบหน้าดูขาดมิติ จึงจําเป็นต้องมีไฮไลต์หรือคอนทัวร์มาเป็นตัวช่วยเสริมด้วยในบางกรณีนะคะสาวๆ
