“ครัวสายไหม” ร้านอาหารอร่อย ที่อยู่ใน ซอยสายไหม 32 เขตสายไหม ที่คุณจะต้องไปลองสักครั้ง โดยเฉพาะ เมนูปลาช่อนลุยทุ่ง ที่หลายๆคนบอกว่า หากได้ลองแล้วจะติดใจอย่างแน่นอน
เมนูปลาช่อนลุยทุ่ง.
แต่ในโลกของ “ความอร่อย” เมื่อ 2 จอมยุทธ์ผู้เจนจัดในการใช้กระบวยกับตะหลิว มิได้มีบัญชีแค้นบาดหมางให้ต้องสะสาง… ต่างโคจรมาพบกันโดยบังเอิญ ที่ร้านอาหารสักแห่ง!!!…นอกจากไม่มีใครต้องเลือดตกยางออกเหมือนฉากบู๊ในหนังจีน…จะมีก็แต่ลูกค้าเข้าไปนั่งเบียดเสียดกันแน่นร้านไปเท่านั้น
มีผู้ชี้เป้าให้ “ชาย 1” มานานแล้วว่า ที่ “ครัวสายไหม” ร้านอาหารไม่ได้ใหญ่ โตโอฬาร จุลูกค้าได้ประมาณ 70 ที่นั่ง อยู่ติดกับซอยสายไหม 32 เขตสายไหม
นางอารีย์ พันธ์ทิมดวง เจ้าของร้านครัวสายไหม.
ไทยรัฐออนไลน์ รายงานความอรอ่ยว่า ที่นั่น!!!…เป็นจุดศูนย์รวมของ 2 กุ๊ก ผู้เจนจัดในการทำกับข้าว…รายแรกนอกจากมีพรสวรรค์ในการรังสรรค์ความอร่อยหลาก หลายเมนู ยังรั้งตำแหน่ง “แม่ยาย” เธอชื่อ อารีย์ พันธ์ทิมดวง อีกราย มีฤทธิ์เดชในการทำอาหารไม่น้อยหน้ากัน ทั้งยังรั้งตำแหน่ง “ลูกเขย” เขาชื่อ สุพัฒน์ คำอ้าย ทั้งคู่โคจรมาพบกัน ภายใต้ชะตาฟ้าลิขิตก็ว่าได้
ผู้เป็นแม่ยายเล่าประวัติความเป็นมาของร้านคร่าวๆว่า เธอกับลูกชายคนที่สอง เป็นผู้บุกเบิกเปิดร้านอาหารแห่งนี้ขึ้นมา เมื่อปลายปี 2538 ช่วงแรกๆ เธอจ้างกุ๊กไว้คนหนึ่งมาช่วยทำครัว แต่ระยะหลังเห็นว่าลูกเขยพอมีฝีมือในการทำอาหาร บวกกับทุกวันนี้เธอเริ่มสูงวัยจึงวางมือ ปล่อยให้ผู้เป็นเขยโชว์ฝีมือฉายเดี่ยว
เท่าที่สอดส่ายสายตาสำรวจไปตามแต่ละโต๊ะ…เมนูเลื่องชื่อของ “ครัวสายไหม” ที่ลูกค้านิยมสั่งกัน น่าจะไม่พ้น ปลาช่อนลุยทุ่ง กุ้งหิมะ ต้มยำปลาคัง ปากเป็ดทอด กับ หอยหลอดผัดฉ่า เพราะแต่ละโต๊ะล้วนมีเมนูที่ว่านี้
นายสุพัฒน์ คำอ้าย พ่อครัวลูกเขยของนางอารีย์.
เมนูแรก ที่ “ชาย 1” ตัดสินใจสั่งมาชิม จึงเป็น “ปลาช่อนลุยทุ่ง” หลังปล่อยให้ลิ้นทำหน้าที่ของมันอย่างเสรี…เพียงช้อนแรกที่ได้สัมผัส พูดแล้วให้น่าอับอายมุดใต้โต๊ะ!!!…ก็จะอะไรซะอีก เสียงเรียกร้องภายใน มันดันตะโกนซะลั่น…เฮ้ย อย่าเพิ่งรีบวางช้อนซิ ลองเบิ้ลอีกสักคำ!!!
อารีย์เฉลยว่า จุดเด่นของ “ปลาช่อนลุยทุ่ง” อยู่ที่ความกรอบนอกนุ่มในของ เนื้อปลาช่อน ที่ทางร้านนำไปทอด ด้วยความชำนาญ ไร้กลิ่นคาว เมื่อนำมาคลุกเค้าด้วยน้ำปรุงรส ซึ่งมีส่วนผสมของ พริกขี้หนูสวน 1 หยิบมือ ที่บุบแบบไม่ต้องให้แหลกมาก (เพื่อให้ได้รสเผ็ดแค่ปานกลาง) ผสมกับ น้ำตาลทรายเคี่ยว อย่าให้ข้นจัด เอาแค่พอให้ส่งกลิ่นหอมอีก 6 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาวแท้ 4 ช้อนโต๊ะ ตามด้วย น้ำปลาแท้ อีก 2 ช้อนโต๊ะ
ทางร้านเลือกใช้ กุ้งแห้ง ไซส์กลาง 1 หยิบมือ นำไปทอดจนตัวกุ้งออกสีอมเหลือง ซอย ขิงแก่สด หั่นเป็นรูปลูกเต๋า 1 หยิบมือ หอมแดง ซอยลูกเต๋าอีก 1 หยิบมือ มะนาว หั่นชิ้นเล็กทั้งเปลือก แบบกินกับเมี่ยงคำ ครึ่งหยิบมือ ตะไคร้ ซอย 1 หยิบมือ แนมด้วย ถั่วลิสงคั่ว อีก 1 ช้อนโต๊ะ
ต้มยำปลาคังหม้อไฟ.
จากนั้นนำ ใบชะพลู มารองพื้นรอบจาน ก่อนนำปลาช่อนไปวาง แล้วนำเครื่องสมุนไพรทั้งหมด โรยไปให้ทั่วบนตัวปลา คลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนราดด้วยน้ำปรุงรสที่เตรียมไว้…เท่านี้ก็เริ่มตักใส่ปากลุยความอร่อย
อีกเมนู ที่ “ชาย 1” ลองแล้วอยากส่งต่ออานิสงส์ความอร่อย ไปยังแฟนๆคอลัมน์ ให้ได้ไปลิ้มลอง ก็คือ “ต้มยำปลาคัง” ทีเด็ดของเมนูนี้…อยู่ที่น้ำซุปต้มยำรสแซ่บจัดจ้าน ผสานกับกลิ่นหอมของสมุนไพรพื้นบ้าน
2 กุ๊กขยายเคล็ดไม่ลับความอร่อยให้ฟังว่า เริ่มจากเตรียมน้ำซุป (สต๊อกไก่) โดยใช้ซี่โครงไก่ 4 โครง ต้มกับน้ำเปล่าประมาณ 1 หม้อก๋วยเตี๋ยว เหตุที่ใช้ซี่โครงไก่ แทน “เล้ง” หรือกระดูกสันหลังหมู มาทำเป็นน้ำซุป เนื่องจากต้องการให้น้ำซุปออกรสชาติ หวานนวล แต่ไม่มัน และ ข้นเกินไป นั่นเอง จากนั้นเทเครื่องปรุงรสยี่ห้อรสดีลงไป 3 ซอง รอให้น้ำซุปในหม้อเดือดพล่าน จนขึ้นฟอง ค่อยช้อนฟองทิ้งเป็นระยะ
ปากเป็ดทอด.
ด้วยปลาคัง…เป็นปลาที่มีกลิ่นคาวแรง ดังนั้นจึงควรนำเนื้อปลาที่แล่ และล้างสะอาดดีแล้ว ไปลวกในน้ำที่เดือดจัด เพื่อล้างคาวปลาทิ้งออกไปก่อน 1 รอบ จึงค่อยนำเนื้อปลา ไปน็อกในน้ำเย็น แล้วพักรอไว้
เมื่อเริ่มปรุง ก็แค่นำน้ำซุปสต๊อกไก่ที่เตรียมไว้ ตักใส่หม้อขึ้นตั้งไฟ ใส่ ตะไคร้ หั่นเป็นแว่น 1 ช้อนโต๊ะ ตามด้วย ใบมะกรูด ฉีกครึ่ง 4 ใบ ใบผักชีฝรั่ง ซอย 1 ช้อนโต๊ะ ข่าอ่อน ฝานเป็นแว่นบาง 4-5 แว่น บุบ พริกขี้หนูสด ตามลงไป 1 กำมือ หอมแดง ทุบ 5 หัว ตามด้วย ใบกะเพรา 10 ใบ และ พริกแห้งทอด อีก 7 เม็ด
รอจนกว่าน้ำซุปเดือดจัด จึงค่อยหย่อนเนื้อปลาคังลงไปทีละชิ้น ในขณะที่น้ำยังเดือดอยู่ (ถ้าหย่อนลงไปในขณะที่น้ำซุปนิ่ง เนื้อปลาอาจเหม็นคาว) รอจนกว่าเห็นว่าเนื้อปลาคังเริ่มฟู และออกสีขาวนวล จึงค่อยตักทั้งน้ำและเนื้อ เทใส่ในชามหรือหม้อไฟ ที่แยกเครื่องปรุงรสเตรียมไว้
หอยหลอดผัดฉ่า.
ซึ่งประกอบไปด้วย น้ำปลาแท้ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาวแท้ 2 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูสวน บุบ 1 หยิบมือ เห็ดฟาง ที่ลวกแล้ว ผ่าครึ่ง 4-5 ดอก จากนั้นก็พร้อมเสิร์ฟ ยั่วให้ใครต่อใครได้น้ำลายไหลไปเท่านั้น!!
ปากเป็ดทอด เป็นอีกเมนูที่ “ชาย 1” ชิมแล้ว อยากบอกว่า ไม่ควรพลาด แต่น่าเสียดาย หน้ากระดาษเกลี้ยงซะก่อน เอาเป็นว่า…ท่านที่ชอบอาหารแนวรสจัด ถึงใจ เปิบเข้าไปแต่ละคำลิ้นระรัว ลองไปที่ “ครัวสายไหม”
ทางไปร้านนี้ไม่ยาก ถ้าตั้งต้นจากแยก ร.ร.นายเรืออากาศ ถ.พหลโยธิน ให้ไปทาง ถ.จันทรุเบกษา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ถ.พหลโยธิน 54/1 ไปอีกเล็กน้อย ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าสู่ ถ.สายไหม ถ้าไปไม่ถูก ลองกริ๊งกร๊างไปสอบถามเส้นทางได้ที่ โทร.0–2991–4252, 0–2531–5999 และ 08–9445–6820.
