ที่มา: dodeden

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ในสหรัฐฯ ทำการสำรวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารของกลุ่มผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ กลุ่มต่างๆ ว่ามีแนวโน้มการบริโภคอาหารอย่างไร และรูปแบบการทำอาหารจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน

ทั้งรูปแบบการทำอาหาร วัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหาร เพื่อที่จะได้มาวางแผนในการทำตลาดให้กับร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ เพื่อให้โครงการครัวไทยสู่ครัวโลกยังคงเดินหน้าต่อไปได้

ทั้งนี้ ผลการสำรวจ พบว่า กลุ่มผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่เป็นกลุ่ม Millennials และกลุ่ม Generation Y ซึ่งมีอายุ 18-34 ปี จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่สุดของประเทศ หรือมีจำนวนประมาณ 75.4 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้บริโภคกลุ่ม Baby Boomers อายุ 51-69 ปี ซึ่งมีจำนวน 74.9 ล้านคน

ในขณะที่กลุ่มผู้บริโภค Generation X อายุ 35-50 ปี ปัจจุบันเป็นอันดับที่ 3 แต่คาดว่าภายในปี 2571 จะก้าวขึ้นขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ดังนั้น พฤติกรรมการบริโภคของกลุ่ม Millennials จะเป็นกลุ่มสำคัญต่อตลาดธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ซึ่งวงการอาหารจะต้องนำเสนออาหารที่ถูกปากและรสนิยมของคนกลุ่มนี้

“กลุ่ม Millennials มีความเด่นชัดในเรื่องกระแสรักษ์โลก การบริโภคแบบยั่งยืน หรือการใช้วัตถุดิบ ใช้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความต้องการทดลองอาหารใหม่ๆ และอาหารต่างชาติเพิ่มมากขึ้น หากร้านอาหารไทยไม่ปรับตัว หรือพัฒนาเมนูอาหารให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคของคนกลุ่มนี้ ก็จะกระทบต่อการทำธุรกิจร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ ได้ และยังจะส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงการขยายโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกได้ด้วย”นางอภิรดีกล่าว

นางอภิรดีกล่าวว่า ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ลงพื้นที่ไปให้คำแนะนำแก่ร้านอาหารไทย และผลักดันให้มีการพัฒนาเมนูอาหาร และประยุกต์การทำอาหารไทยให้สอดคล้องกับกระแสความต้องการของตลาด เพื่อให้ธุรกิจร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าต่อไปได้ และยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคสหรัฐฯ เพราะสามารถปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที

สำหรับแนวคิดการทำอาหารที่มาแรงในปี 2560 เช่น การใช้ผักสดที่ปลูกเอง เช่น บนหลังคาร้าน หรือปลูกในอาคารด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์ , ร้านอาหารแบบเร่งด่วน จะเน้นความสด คุณภาพดี , ใช้ส่วนผสมวัตถุดิบอาหารแบบธรรมชาติ , ใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการกับเศษอาหาร , การใช้ผัก ผลไม้ที่หาได้จากฟาร์มท้องถิ่น ซึ่งได้ความสดและแหล่งที่มา

การใช้อาหารทะเลและเนื้อสัตว์ในท้องถิ่น , การลดจำนวนขยะที่เกิดจากเศษอาหารโดยลดสัดส่วนอาหารที่เสิร์ฟให้ลูกค้าเล็กลง ,บริการอาหารชุดที่เตรียมวัตถุดิบให้ลูกค้าไปปรุงเองที่บ้าน ,การปรุงอาหารด้วยความเรียบง่าย และอาหารเพื่อสุขภาพมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ มีผักมาก และมีธัญพืชประกอบ

ส่วนเมนูอาหารสำหรับปี 2560 จะเน้นการใช้เนื้อวัวจากส่วนใหม่ๆ เช่น เนื้อส่วน shoulder tender, oyster steak , Vegas Strip Steak , เพิ่มเมนู Street Food เช่น เทมปุระ เกี้ยว , เมนูอาหารเด็กเพื่อสุขภาพ เช่น สลัด ผลไม้ ธัญพืช , เมนูที่ใช้เนื้อหมูทำเอง เช่น ไส้กรอก แฮม , เมนูอาหารทะเลที่รู้ที่มา , เมนูอาหารที่เกิดจากแรงบันดาลใจจากอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ

เช่น การใช้ Asian-flovored syrups, burito breakfast , การใช้เครื่องปรุงรสที่ทำขึ้นเอง เช่น ซอสศรีราชา ซอสมะเขือเทศ มัสตาร์ด , เมนูอาหาร/รสชาติขึ้นชื่อของครัวชาติอื่นๆ , การใช้ผัก ผลไม้ ที่มีการเพาะปลูกแบบพืชผักสวนครัว เช่น มะเขือเทศ ถั่ว และเมนูอาหารสไตล์แอฟริกา ซึ่งอุดมด้วยธัญญพืช ถั่ว ผัก และเครื่องสมุนไพรพื้นเมือง

นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มรสชาติอาหารสำหรับปี 2560 ได้แก่ Authentic Ethnic Cuisine , African Flavors , Ethnic Fusion Cuisine , Middle Eastern Flavors และ Latin America ส่วนอาหารจานเด่น ได้แก่ อาหารข้างทาง Street Food , Charcuterie ที่ทำเอง , อาหารเสิร์ฟด้วยผักแทนคาร์โบไฮเดรต , Seafood Charcuterie และก๋วยเตี๋ยวเฝอ (Pho) ของเวียดนาม

เรื่องน่าสนใจ