เรียบเรียงโดย : โดดเด่นดอทคอม
สังคมสมัยนี้ “การศัลยกรรม” ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คนส่วนใหญ่ที่ไปศัลยกรรมก็จะมีแรงบันดาลใจที่แตกต่างกัน ทั้งทำเพื่อหน้าที่การงาน ที่ต้องใช้หน้าตา ศัลยกรรมเพื่อแก้โหงวเฮ้ง หรือแม้แต่ศัลยกรรม เพราะผิดหวังกับความรัก เช่นเดียวกับ หนุ่ม “ปาล์ม” ที่ถูกปฏิเสธอยู่บ่อยๆจนทำให้สู้สึกท้อและไม่กล้าชอบใครอีก เลยเข้ารับการศัลยกรรมจมูกถึง 5 ครั้ง!!
หนุ่มปาล์ม ได้แชร์เรื่องราวก่อนการศัลยกรรมในเว็บไซต์พันทิปว่า ตัวเองเป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับความสวยความงามเท่าไร จนกระทั่งเข้าเรียน ในระดับม. ปลาย เป็นช่วงที่อยู่ในวัยแห่งความรัก โดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นในหน้าตาตัวเองสักเท่าไร แต่ถ้าได้ลองบอกรักใครสักคน ก็จะไม่รู้ว่าคำตอบที่ได้จะออกมาหัวหรือก้อย
แต่คำตอบที่ได้ คือยิ่งกว่าโดนปฎิเสธเฉยๆ “หน้าแบบน้องอ่ะ คงไม่เหมาะกับพี่มั้งครับ”
โหยคือตอนนั้นเสียเซลฟ์และเสียใจมาก แต่ก็เข้าใจและรู้ตัวดีมาตลอดว่าใครจะมาเอาเด็กดำๆ หน้าสิว ฟันเหยินยิ่งกว่าแก้วหน้าม้ามาเป็นแฟนว่ะ และเราเองก็ไม่กล้าชอบใครอีกเลย
หลังจากจบ ม. ปลายก็เริ่มคิดอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยคิดว่าจะเริ่มจากจัดฟันก่อน เพราะตอนนั้นคิดว่าข้อบกพร่องที่เห็นชัดสุดคือ “ฟัน” ด้วยความรีบเพราะอยากหล่อไวไวเลยไปหาหมอทุกๆ 2 อาทิตย์เพื่อจะให้หมอดึงฟันเข้าเร็วๆ
และระหว่างนั้นก็เริ่มรู้สึกอยากขาว แต่ที่นี้จะทำยังไงล่ะ? จนได้รับคำแนะนำจากรุ่นน้องคนนึงว่ารู้จักการลอกผิวมั้ย ลองเข้าไปในเว็บนี้น่ะ และด้วยความที่อยากขาวเราเลยจัดมาแบบเซ็ตใหญ่ๆ 7 ชุด ซึ่งตอนนั้นรู้สึกว่าราคาจะอยู่ที่ 3500×7=/24,500 บาท และเซ็ตหน้าอีก 3 ชุด
ซึ่งการลอกผิวนี่จะเรียกว่าโหมดดักแด้ ทรมานมากตรงที่ออกไปไหนก็ไม่ได้ โดนแดดไม่ได้ ต้องอาบน้ำร้อน (คือบ้านเราไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น เราเลยต้องต้มน้ำบนเตาแก๊สและมาผสมในถังเพื่ออาบ ทำแบบนี้เช้าเย็นทุกวันตลอด 5 เดือน) เผื่อให้ผิวมันลอกได้ไวขึ้น จากเป็นคนที่เกลียดการทาครีมก็ต้องทนทำ และผลลัพธ์คือ “พี่ปาล์มทำไรมาค่ะ คือพี่ดูขาวขึ้นมาก” และช่วงนั้นฟันก็เริ่มเข้าที่มากขึ้นและหล่อขึ้น (หล่อขึ้นไม่ได้หมายความว่าหล่อแล้ว) และเริ่มมีความมั่นใจ อบากมีแฟนอีกครั้ง
จนมาถึงจุดพีคอีกครั้งตรงที่จับได้ว่าแฟนแอบไปมีคนอื่น พีคกว่าคือเค้าหน้าตาดีกว่าเรามาก ตอนนั้นทำไรไม่ถูกเลยตัดสินใจว่าจะรวบรวมเงินที่มีและความกล้าไปทำศัลยกรรม แต่เพราะอีกไม่กี่วันก็จะเกณฑ์ทหารแล้วนี่สิเลยรอจนเกณฑ์ทหารเสร็จ
และด้วยความที่ไม่เคยมีความรู้เรื่องศัลยกกรรมมาก่อน แต่เห็นว่าเป็นโรงพยาบาลจึงตัดสินใจทำ ตา จมูก ปากบน-ล่าง พร้อมกันทั้ง 3 อย่างกับทางโรงพยาบาลนั้นด้วยความคิดที่ว่า ของแพงย่อมดีเสมอ
ตอนนั้นตื่นเต้นมาก ครั้งแรก มันก็กลัวเป็นธรรมดาใช่ป่ะ แต่แบบเห้อ…. จนพยาบาลพาเข้าห้องให้เราล้างหน้าและพาขึ้นเตียง ในจินตนาการคือ “เดี๋ยวเสร็จตรูต้องหล่อแน่ๆ 555” พยาบาลจับมัดแขนขาล็อคหัวพีคสุดตอนรอนี่แหละ ลุ้นว่าเมื่อไหร่หมอจะมา จนหมอเข้ามาคุยเขียดๆเขียนบนหน้าและฉีดยาสลบ
ตื่นมาอีกทีในใจคิดว่าเสร็จแล้วแน่ๆเลยหันไปคุยกับพยาบาล พี่เค้าบอกว่า “อ่อ ยังไม่ได้ทำค่ะแค่ฉีดยาสลบ” ทำไมไม่ทำให้เสร็จก่อนแล้วค่อยให้ตรูตื่นว่ะ หลังจากนั้นหมอก็เริ่มล๊อคตา เราเองเห็นเหมือนหมอเย็บเปลือกตาเราเรื่อยๆละบอกพยาบาลว่าเสร็จละ หมอจึงเริ่มมาจับที่ปากบนเราและถามว่า “ปากบนชายังครับ” ผมก็ตอบไปว่าชาแล้วครับ
จุดพีคอีกครั้งตอนที่หมอกรีดปากล่างก่อนนี่แหละ คือมันยังไม่ชา หมอบอกพยาบาลๆ ปากล่างยังไม่ชามาฉีดยาด่วน (!!!) จนเสร็จและผ่านไปด้วยดี เราจึงเดินขึ้นไปชั้น 4 เพื่อทำจมูกกับคุณหมอเจ้าของโรงพยาบาล (สลบอีกรอบ) และก็ผ่านไปเหมือนจะดี
ผ่านมาซักระยะความคิดที่ทำออกมาเสร็จละหล่อ จริงๆมันไม่ใช่ ผลออกมาไม่เป็นที่หน้าพอใจ (ตรูควรดีใจมั้ยที่โคนจมูกชนอยู่หัวคิ้วด้านซ้าย)
ตาก็ดูเชื่อมๆตลอดเวลา ปากก็กินไรลำบาก แต่เราพอใจกับตาและปากเพราะดูแล้วว่าถ้าหายดีคงออกมาสวย ที่นี้แหละความคิดเรื่องแก้จมูกก็มาอีกครั้ง ผ่านไป 3 เดือน เลยตัดสินใจไปหาหมอและแก้ครั้งที่ 2 เพราะหวังว่ามันคงดีกว่านี้
หลังจากพักฟื้นและผ่านไปซักพักตากับปากก็หายบวมจนเกือบเป็นปกติ ก็รู้สึกไม่พอใจกับจมูกครั้งที่ 2 ที่เพิ่งแก้มา เพราะรู้สึกว่ามันเบี้ยวนิดๆจึงคิดว่าถ้าแก้อีกครั้งมันคงดีกว่านี้
ครั้งที่ 3 ที่นี่มีเพื่อนแนะนำมา ครั้งแรกคือบินไปเที่ยวกรุงเทพเฉยๆ แต่มีโอกาสและว่างพอดีเลยตัดสินใจทำ ครั้งที่ 3 นี่หนักหน่อยคือมีการเหลาฮัมด้วย ทำเสร็จก็บินกลับตรังเลย
เป็นนิมิตหมายอันดีมากตรงที่ทำเสร็จกลับบ้านมาพักฟื้นและมันไม่มีอาการบวมเลย แต่ครั้งที่ 3 ก็ยังไม่พอใจ เพราะมันดูบวมใหญ่ แม้จะผ่านมาแค่ 2 เดือนแต่ก็พอดูออกแล้วว่ามันคงเล็กและยุบลงไม่มากหรอก มันจึงมีการแก้ครั้งที่ 4 ตามมา
พอทำครั้งที่ 4 แล้วก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย แต่ก็ังไม่พอใจ มันดูธรรมชาติเกินไป เลยตัดสินใจจองคิวข้ามปีกับหมอดัง และเพราะฟันเริ่มเข้าที่แล้ว จึงตัดสินใจ นอกจากจมูกแล้วก็ทำคางพร้อมกันไปด้วยเลย
จมูกครั้งที่ 5 ยอมรับว่าช่วงแรกๆก็ นอยด์นะว่า ทำไมหน้าเราดูแปลกๆ แต่ซักพักพอมันเริ่มเข้าที่ ผลลัพธ์ที่ได้คือ พอใจมาก
ถึงแม้ตอนนี้มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์และไม่ได้เพอร์เฟคหรือมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่ก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองที่อดทนและผ่านอะไรเหล่านั้นมาได้ จากเป็นคนที่ถูกปฏิเสธก็ได้มีโอกาสเป็นฝ่ายเลือกกับเค้าบ้าง
ทิ้งท้ายหนุ่มปาล์ม กล่าวว่า ใครที่อยากได้คำแนะนำหรือคำปรึกษา สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้เช่นกัน ทั้งเรื่องของการศัลยกรรมและการลอกผิวที่เฟซบุ๊ก Palm Sirikijjakorn
ทั้งนี้ ทางโดดเด่นดอทคอม ขอเป็นกำลังใจให้กับใครหลายๆคนที่กล้าลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเอง แต่ก่อนที่จะเปลี่ยนตัวเองด้วยวิธีต่างๆ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือศึกษาข้อมูลผลดีผลเสียที่จะตามมาเสียก่อน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำตามแบบคนอื่นได้ หรือไม่สามารถมั่นใจได้ว่าสิ่งที่ทำนั้น ไม่สุ่มเสี่ยงเกินไป สามารถสอบถามได้ที่แฟนเพจของทาง DodeDen ได้เลย ค่ะ