รอยแผลเป็นหลังศัลยกรรม แน่นอนว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะการศัลยกรรมนั้นมีความเสี่ยงเสมอไม่มีการผ่าตัดอะไรที่จะรับรองผลว่าหลังทำจะออกมาดี ไม่มีปัญหาใด ๆ 100% ซึ่งปัญหาหลังทำศัลยกรรมนั้นมีตั้งแต่อาการบวม อักเสบ ติดเชื้อ หรือแม้กระทั้งการทิ้งร่องรอยแผลเป็นไว้บนร่างกายได้

 

ประเภทศัลยกรรมที่มักทิ้งรอยแผลตรงจุดที่ผ่าตัด

การผ่าตัดเสริมหน้าอก ซึ่งการผ่าตัดประเภทนี้แผลที่ผ่าจะต้องมีความยาวพอสมควรที่จะสามารถใส่ซิลิโคนเข้าไปได้ ซึ่งบริเวณที่ผ่าตัดจะอยู่ตำแหน่งรักแร้ หรือใต้ราวนม แผลเป็นใต้ราวนมจะค่อนข้างมีโอกาสเห็นง่ายกว่า และถ้ามีการนูนหรือเป็นคีลอยด์จะเห็นชัดมาก

การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูกแบบ Open (โอเพ่น) คือการผ่าตัดแบบตัดฐานจมูกเป็นรูปตัวเอ็ม (M) ซึ่งการผ่าตัดแบบโอเพ่นนี้แผลผ่าตัดจะอยู่ใต้ฐานจมูกที่สามารถมองห็นได้ง่าย และมีโอกาสที่จะเกิดเป็นรอยแผลเป็นได้หากหมอที่ทำการผ่าตัดไม่มีความชำนาญเพียงพอ

ศัลยกรรมตัดปีกจมูก เป็นการศัลยกรรมตกแต่งปีกจมูกให้เล็กลงแคบลงให้จมูกนั้นได้สัดส่วนที่พอดีสวยงาม โดยการผ่าตัดนั้นจะมีแผลเป็นอยู่ตรงปีกจมูกด้านในมาถึงด้านนอก ทำให้เห็นรอยแผล และอาจจะเกิดรอยแผลเป็น หรือในบางคนอาจถึงขั้นเป็นแผลคีลอยด์ได้

ศัลยกรรมตาสองชั้น ที่จะต้องมีการกรีดบนเปลือกตาเพื่อสร้างชั้นตา โดยตรงอาศัยความชำนาญของแพทย์ที่จะสร้างร่องรอยให้น้อยที่สุด เพราะเป็นรอยแผลด้านนอกที่มองเห็นได้ง่าย

ศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า เป็นการศัลยกรรมเพื่อยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อย แก้ปัญหาริ้วรอย ร่องคิ้ว ให้หน้าดูอ่อนเยาว์ ซึ่งการผ่าตัดจะมีรอยแผลบริเวณใบหูด้านหลังอาจจะมาถึงด้านหน้าทำให้มีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นได้มากเช่นกัน

ศัลยกรรมผ่าตัดหนังหน้าท้อง ถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหนังหน้าท้อง หลังคลอดบุตร หรือจากลดความอ้วน การตัดเอาหนังหน้าท้องที่หย่อนออกจะมีรอยแผลอยู่ตรงรอยขอบบิกินนี่ที่ค่อนข้างยาวเลยทีเดียว

เตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรม 

  • งดการสูบบุหรี่ทั้งก่อน และหลังเข้ารับการผ่าตัด 2 สัปดาห์  เนื่องจากว่าการสูบบุหรี่ จะมีผลต่อออกซิเจนในเลือด ทำให้แผลหายช้า และอาจลุกลามจนเกิดการติดเชื้อได้
  • งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 5 วัน เพื่อลดอาการติดเชื้อและลดอาการบวม
  • งดยาแก้ปวดทุกชนิด ทั้งในกลุ่มแอสไพริน และไอบลูโพเฟ่น หรือยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 2 อาทิตย์
  • อย่าลืมแจ้งประวัติการแพ้ยาแก่แพทย์ เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินและวางแผนในการผ่าตัด เพื่อให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด
  • งดอาหารเสริมก่อนเข้ารับการศัลยกรรม 2 สัปดาห์
  • งดอาหารและงดน้ำ เป็นเวลา 6 ชั่วโมง
  • อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดเรียบร้อย

ข้อควรระวังและวิธีการดูแลไม่ให้เกิด รอยแผลเป็นหลังศัลยกรรม มีดังต่อไปนี้

  • ทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ระวังอย่าให้แผลผ่าตัดโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม
  • งดเว้นการรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด เช่นของหมักดอง เพราะอาจจะทำให้แผลมีการอักเสบติดเชื้อได้
  • งดเว้นการอยู่ในที่ร้อนอบอ้าว และมีผู้คนแออัดเบียดเสียดเกิดการบวมอักเสบ หรือติดเชื้อ
  • ทาเจลรักษารอยแผลหลังการผ่าตัดอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผิวเรียบเนียนไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น

เพราะการผ่าตัดศัลยกรรมนั้นมักทิ้งรอยแผลหลังผ่าตัดไว้ไม่มากก็น้อย ควรเตรียมพร้อมในการดูแลในส่วนนี้เป็นพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้แผลนั้นเกิดเป็นแผลเป็น หรือนูนขึ้นเป็นคีลอยด์ ควรเริ่มต้นทาเจลเพื่อป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น หลังจากที่แผลแห้ง ติดสนิท และตกสะเก็ดแล้ว โดยสังเกตได้จากไม่มีอาการบวมแดง หรือมีน้ำ หรือ เลือดออกจากแผล ด้วยผลิตภัณฑ์ Dermatix เจลรักษาแผลเป็น เพื่อรักษาแผลเป็นสำหรับการผ่าตัด แผลนูน แผลคีลอยด์ แผลรอยดำ แผลจากการโดนไฟลวก น้ำมันลวก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ศัลยแพทย์ตกแต่งให้การยอมรับในประสิทธิภาพ

สำหรับคุณสมบัติของ ผลิตภัณฑ์ Dermatix

  • ผ่านการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาแผลเป็น ความนูนของแผลเป็นลดลง แผลเป็นนุ่มขึ้น ผิวกระจ่างใสและแผลเป็นมีสีจางลง
  • สูตรนวัตกรรมอันก้าวล้ำ ด้วยเทคโนโลยี CPX และวิตามิน ซี เอสเตอร์ อันเป็นเอกลักษณ์
  • ให้ความสะดวกสบาย ด้วยสูตรที่แห้งเร็วไม่เหนียวเหนอะหนะ และสามารถใช้ได้ทั้งใบหน้าและร่างกาย
  • ใช้ทาง่าย ใช้เพียง 1 เมล็ดถั่วเขียว ทาบางๆบนแผล ปาดไปทางเดียวโดยไม่ต้องถูนวด 1 เมล็ดถั่วเขียวเหมาะสำหรับแผลเป็นขนาด 6  เซนติเมตร ทาวันละสองครั้งหลังจากทำความสะอาดแล้ว
  • 1 หลอดใช้เพียงนิดเดียว ถ้าแผลขนาดประมาณ 6 cm  บีบเจลน้อยมากเล็กกว่าเมล็ดถั่วเขียวอีก ใช้แค่วันละ 2 ครั้งไม่ต้องนวดเลย 1 หลอดเล็ก 7 กรัมใช้นานมากกว่า 2 เดือน

เรื่องน่าสนใจ