โยนความเครียดทิ้งไป 5 เคล็ดลับ ขจัดความเครียด ! เพราะในหน้าร้อนนี้ เราจะต้องรีแลกซ์เท่านั้น! เพราะแต่เดิม หน้าร้อนเคยเป็นสัญลักษณ์ของการปลดแอกความเครียดที่คุณสะสมมาทั้งปี สิ่งที่ทุกคนหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องเจอในฤดูนี้  คือการนอนเอกเขนก พักผ่อนสบายๆ ชิลล์ๆ ริมหาดยามบ่าย ทํางานน้อยๆ และได้พักร้อนยาวๆ โดยไม่มีเรื่องงานมาพันพัวให้ปวดหัว ปีนี้คุณอาจต้องทํางานหนักขึ้น หรืออยู่ติดบ้านมากขึ้น เพื่อเก็บหอมรอมริบ แต่ใช่ว่าคุณจะหมดโอกาสชาร์จแบตฯ ด้วยการรีแลกซ์ หรือหาความสุขใส่ตัวเหมือนปีก่อนๆ ซะหน่อย

โยนความเครียดทิ้งไป

สิ่งสําคัญคือ คุณต้องเรียนรู้วิธีปลดแอกความเครียดประจําวันซะก่อน เมื่อคนเราต้องทํางานมากขึ้น ยิ่งต้องหาเวลาคลายเครียดให้ได้แม้จะเป็นช่วงพักผ่อนอันน้อยนิดก็ตาม

มาผ่อนคลายสมอง และร่างกาย ด้วย 5 เคล็ดลับ ขจัดความเครียด เหล่านี้!

การพิฆาตความเครียด นอกจากจะดีต่อสุขภาพจิตแล้ว ยังดีต่อสุขภาพกายด้วย เพราะความเครียด ก่อให้เกิดโรคหลากหลายอย่างรวมถึงโรคหัวใจ มะเร็ง และโรคซึมเศร้า การโหมงานหนักไม่หยุดหย่อน ร่างกายทุกส่วนย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทนเป็นธรรมดา ในขณะที่การเรียนรู้วิธีพักผ่อนสมองในชีวิตประจําวันบ้าง ช่วยให้คุณกลับมาทํางานอย่างสดชื่น เคล็ดลับต่อจากนี้ จะช่วยให้คุณปล่อยวางได้อย่างเป็นสุข ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือลางานได้นานเท่าไรก็ตาม

โยนความเครียดทิ้งไป

ตัดขาดจากที่ทํางาน
คนสมัยนี้ สูญเสียความสามารถการปิดสวิตซ์ตัวเองไปเกือบหมดแล้ว แต่กลับเชี่ยวชาญการสะสมความเครียดแทน การมีแทบเล็ตไม่ได้แปลว่า คุณต้องเปิดเครื่องไว้ตลอดเวลา ในแต่ละคืนให้กันเวลา 30 นาทีไว้อ่านอีเมล พอหมดเวลาแล้วให้ปิดเครื่อง แล้วเอาไปไว้ไกลหูไกลตาได้เลย แต่ที่ไม่ควรทํา คืออย่าจัดตารางงานที่คุณต้องติดตามทําก่อนเข้านอน เพราะการเข้านอนทั้งที่มีงานคั่งค้างในสมอง ร่างกายจะเปลี่ยนเข้าสู่โหมดนอนหลับได้ยาก ดังนั้น จงหยุดการตอบอีเมล หรือคิดเรื่องงานทั้งหลายทั้งปวงอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน

สร้างกิจวัตรในการผ่อนคลาย
การปฏิบัติตัวเหมาะสมก่อนเข้านอน ช่วยบิลต์อารมณ์อยากนอนให้คุณได้ฉันใด กิจวัตรที่ควรทําก่อนการพักผ่อนก็สร้างอารมณ์ รีแลกซ์ให้คุณได้ฉันนั้น ทันทีที่ก้าวเข้าบ้าน จงโยนทุกอย่างที่ชวนให้นึกถึงเรื่องงานทิ้งให้เรียบ เก็บกระเป๋าทํางานให้มิดชิด แล้วถอดส้นสูงเก็บทันที การเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ช่วยเปลี่ยนอารมณ์ได้ทันทีเหมือนกัน จากนั้นให้ทําอะไรก็ได้ที่คุณได้เคลื่อนไหวในแบบที่แตกต่างจากตอนทํางาน เช่น ถ้าคุณเป็นพวกทํางานนั่งโต๊ะ ลองหันมาว่ายน้ำ หรือวิ่งเอาต์ดอร์แทนดีมั้ย? หากคุณยืนมาตลอดทั้งวัน ควรอาบน้ำให้เย็นชื่นใจ ไม่นาน จิตใจจะค่อยๆ ถอยห่างออกจากต้นเหตุแห่งความเครียดเอง

โยนความเครียดทิ้งไป

ออกไปข้างนอกบ้าง
ธรรมชาติ เป็นยารักษาอาการซึมเศร้าได้ดีที่สุด การออกไปสัมผัสแสงธรรมชาติบ้าง ช่วยเพิ่มระดับเซโรโทนิน (สารเคมีที่ช่วยให้ อารมณ์ดี) การใช้เวลากลางแจ้งบ้าง ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ดีมาก สถานที่เปิดโล่ง สีสัน และอากาศสดชื่น ช่วยให้สมองปล่อยวางได้ ลองสังเกตรายละเอียดทุกอย่าง โดยใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างของก้อน เมฆ รสชาติของน้ำมะนาวที่ดื่ม หรือสายลมเย็นสบายที่พัดผ่านแผ่นหลังคุณ

หาจุดสมดุลระหว่างการพักผ่อนและทํากิจกรรม
ช่วงหยุดสุดสัปดาห์ บางครั้งคุณอาจตั้งเป้าว่าต้องสนุกกับกิจกรรมร้อยแปดพันอย่างให้ครบก่อนถึงเช้าวันจันทร์ แต่เอาเข้าจริง กิจกรรมวันหยุดที่แน่นเอี้ยดจนเกินไป กลับบีบให้คุณหมดสภาพและเครียดยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ แม้แต่กิจกรรมน่าสนุก ก็สร้างความอ่อนล้าได้ หากทําเยอะเกินในช่วงสุดสัปดาห์

โยนความเครียดทิ้งไป

วางแผนลาหยุดยาว
ถ้าคุณไม่สามารถปลีกตัวเพื่อลางานยาวๆ นานเป็นสัปดาห์ได้ ก็หาช่องหยุดควบวันจันทร์หรือวันศุกร์หลายๆ ครั้งแทน เพราะการหาวันหยุดขนาดมินิแทน ก็ชาร์จแบตฯ ให้คุณได้เช่นกัน (และเพราะขาดงานไปแค่วันเดียว คุณจึงไม่ต้องรับมือกับวอยซ์เมล หรืออีเมลถล่มทลายในวันที่กลับมาทํางานด้วย)

 

ถ้าคุณอยากเก็บเกี่ยวความสุขจากการหยุดควบสุดสัปดาห์ควร หาที่เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เพราะการเปลี่ยนสถานที่ ช่วยให้จิตใจหลีกหนีจากสาเหตุแห่งความเครียดทั้งหลายได้ ลองไปนอนเล่นตามรีสอร์ตชานเมืองสักคืนสองคืน หรือชิมเมนูเด็ดในร้านอาหารใหม่ที่อยู่อีกฟากของเมือง แค่นี้ชีวิตก็ได้ชาร์ตแบบเพิ่มพลังแล้วค่ะ

เนื้อหาโดย Dodeden.com

 

 

เรื่องน่าสนใจ