เรียบเรียงโดย : โดดเด่นดอทคอม

อาการ “เล็บขบ” โดดเด่นเชื่อว่าหลายๆคน คงเคยประสบอาการนี้มาแล้ว ความรู้สึกที่ปวดร้าวแม้เพียงกระทบกระเทือบเพียงเล็กน้อย บางคนอาการหนักถึงขั้นมีหนอง เจ็บปวดจนน้ำตาไหล ต้องไปโรงพยาบาล วันนี้โดดเด่นเลยขอนำความรู้มาฝากทุกคนว่าทำอย่างไรไม่ให้เป็น แล้วถ้าเป็นจะรักษาอย่างไรมาฝากกันค่ะ

ingrown-toenail-newyorkfootexpert

เล็บขบ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเล็บคุด (Unguis Incarnatus) คือ อาการที่เกิดจากปลายเล็บของเราจิกหรือทิ่มเข้าไปยังซอกเล็บบริเวณผิวหนังด้านข้างจนทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง และเจ็บปวดทรมานมาก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดบริเวณด้านนอกของนิ้วเท้าเรา โดยหากไม่ได้รับการรักษาก็จะทำให้เนื้อเยื่องอกขึ้นมาสร้างความเจ็บปวดทรมานเวลาเดินไปไหนมาได้เป็นอย่างยิ่ง และยิ่งหากบริเวณที่เกิดเล็บขบนั้นมีหนองไหลออกมาก็จะยิ่งสร้างความเจ็บปวดแก่ผู้เป็นเล็บขบทวีคูณจนอาจถึงขั้นต้องถอดเล็บออกไปเลยก็มี

เล็บขบบริเวณที่เป็นบ่อยคือ ที่บริเวณนิ้วหัวแม่เท้า เป็นโรคเล็บที่เกิดขึ้นได้บ่อยมากๆ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดเล็บขบ คือ

  1. การใส่รองเท้าส้นสูงหรือรองเท้าที่บีบเท้ามากเกินไป ทำให้เล็บขดงอเมื่อเล็บใหม่งอกก็จะยิ่งทิ่มลงไปในเนื้อมากขึ้น
  2. สำหรับผู้ที่ชอบตัดเล็บแบบชิดเนื้อมากจนเกินไป ทำให้เล็บที่งอกใหม่กดลึกลงไปในเนื้อทำให้เกิดเป็นแผลขึ้น หรือคนที่ชอบแต่งเล็บขูดซอกเล็บบ่อยๆ ก็เกิดเล็บขบได้เช่นกัน
  3. การเล่นกีฬาหรือกิจกรรมบางอย่างทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น เตะฟุตบอล หรือปลายนิ้วชนกับโต๊ะหรือเก้าอี้บ่อยๆ ทำให้เล็บฉีกขาดทิ่มเข้าไปในซอกเล็บ
  4. การเกิดเชื้อราบริเวณเล็บ
  5. ในบางคนที่มีเล็บเท้ากว้างทำให้นิ้วเท้าเกิดการเกยซ้อนกัน
  6. การรักษาสิวแล้วได้รับยาวิตามินเอมารับประทานก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งเช่นกัน

ingrown-toenail-trim-nyfootexpert

อาการของเล็บขบ

โดยในระยะแรกของผู้ที่เป็นเล็บขบนั้นจะมีเพียงแค่อาการบวมแดงเพียงเล็กน้อย เมื่อสัมผัสถูกก็จะรู้สึกเจ็บและอุ่นเล็กน้อย หากไม่ได้รักษาในเบื้องต้นนิ้วที่เป็นเล็บขบก็จะบวมมากขึ้นและปวดมากโดยไม่ต้องสัมผัส ซึ่งอาจมีหนองไหลออกมาทำให้เกิดการติดเชื้อได้ และต่อมาอาจมีไข้ร่วมด้วย โดยเล็บจะมีการหนาตัวมากขึ้นและติดเชื้อรุนแรงมากขึ้น ทำให้ไปไหนมาไหนไม่ได้เพราะไม่สามารถใส่รองเท้าได้จึงควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเอชไอวีหรือเบาหวานจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไปพบแพทย์ขณะเป็นแต่เนิ่นๆ เลย เพราะอาจรุนแรงติดเชื้อลึกเข้าไปยังกระดูกเลยทีเดียว

วิธีการรักษาเล็บขบในเบื้องต้นด้วยตนเอง

  1. แช่เท้าด้วยน้ำอุ่นวันละ 4 ครั้ง (เป็นการรักษาอาการเล็บขบในเบื้องต้น)
  2. ล้างเท้าที่เป็นเล็บขบด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาดวันละ 2 ครั้ง
  3. พยายามทำให้เช็ดเท้าให้แห้งและสะอาดเสมอหลังเท้าเปียกน้ำเพื่อป้องกันความเปียกชื้น
  4. ไม่ใส่รองเท้าส้นสูงหรือคับเกินไป
  5. อาจใช้คอตตอนบัดเล็กๆ สอดเข้าไปในซอกเล็บเพื่อยกเล็บไม่ให้โดนเนื้อสัก 15 วัน เพื่อให้เล็บที่งอกใหม่ไม่ทิ่มลงในเนื้อ

5386363

เล็บขบ เป็นหนอง ทำไงดี

หากต้องการให้เล็บขบหายขาด หรือเกิดอาการเล็บขบขั้นรุนแรง นิ้วบวม มีหนองไหล เพราะเกิดการติดเชื้อ ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน ซึ่งแพทย์ก็จะให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียแบบทา หรือแบบรับประทาน แต่หากใครเป็นหนัก คือ ปวดมากและมีหนองไหลมาก รวมถึง มีก้อนเนื้อบริเวณข้างเล็บหนา แพทย์ก็อาจทำการดูดหนองและถอดเล็บที่ขบออกให้ ทั้งนี้ แผลจะหายเป็นปกติภายใน 2 – 3 สัปดาห์ เพราะอาการดังกล่าวมีอันตรายมาก โดยเฉพาะสำหรับคนที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก หรือเป็นโรคเอดส์ เบาหวาน เหล่านี้ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ

ใครที่รักษาเล็บขบหายแล้ว ก็ควรจะป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ ด้วยการตัดเล็บให้เป็นแนวตรง อย่าตัดติดเนื้อ แล้วใช้ตะไบถูขอบเล็บให้หายคม

 

การป้องกันไม่ให้เกิดเล็บขบ

  1. ก่อนตัดเล็บอาจแช่เท้าในน้ำสักครู่เพื่อให้เล็บอ่อนตัวลงง่ายต่อการตัด โดยการตัดเล็บให้ตัดเป็นแนวตรง โดยไม่ตัดติดเนื้อหรือมุมเล็บมากจนเกินไป อาจใช้ตะไบถูกขอบเพื่อลดคมเล็บ
  2. ใส่รองเท้าพอดีกับเท้า ไม่คับหรือสูงเกินไป
  3. เช็ดเท้าให้แห้งอยู่เสมอเพื่อป้องกันเชื้อรา และลดการสะสมของเชื้อโรคบริเวณซอกเล็บเท้า
  4. เดินด้วยความระมัดระวังอย่าให้เล็บเท้าไปชนกับอะไรบ่อยๆ

ข้อมูลจาก : เกร็ดความรู้hmahosot
ภาพประกอบจาก : drdandrapacz

เรื่องน่าสนใจ