ขึ้นชื่อว่าเป็นนางเอกยอดนิยมในยุคก่อน สำหรับ “เอ๋-อัจฉรา ทองเทพ” โดยเฉพาะละครพื้นบ้านเรื่อง “ปลาบู่ทอง” แต่สุดท้ายก็หายเงียบจากวงการบันเทิงไปพักใหญ่ จนมีข่าว่าเธอล้มป่วยมี 4 โรคที่รุมเร้าในขณะนี้ สูญเงินกว่า 10 ล้านในการรักษาตัว ยอมแม้กระทั้งขายบ้าน ขายรถ ขายที่ดิน
ล่าสุดเจ้าตัวเดินทางมาอัดรายการ รายการ “จุดเดือด” ทาง “ช่อง 2” บันเทิงมาเต็ม (หมายเลข 38) โดยพิธีกรคู่เดือด “อุ๊บ-วิริยะ พงษ์อาจหาญ” และ “โก้-ธีรศักดิ์ พันธุจริยา” ครั้งแรกที่เห็นเรียกว่าจำหน้าแทบไม่ได้
“ดีขึ้นหลายๆ อย่างนะคะ แต่เผอิญว่าไปรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวมา ค่ามะเร็งดีขึ้น แต่เคมีจากการรักษาทำให้ไตทำงานหนัก เกิดการอักเสบ ทำให้บวมจนจำตัวเองไม่ได้ ตอนนี้เป็นทั้งหมด 4 โรค
เริ่มจาก SLE (โรคภูมิแพ้ตัวเอง) เป็นมา 11ปีแล้ว ถ่ายเลือด ฟอกเลือด ตัดม้าม ตัดไส้ เจาะปอด และเปิดสมองไปสองเส้นแล้ว
ถ้ามันไปตรงไหนก็ต้องรักษาไปตามอาการ หลังจากเมื่อ 4ปีก็มาเจอมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะ 2 ก็คุมระยะมาได้ รักษามาเรื่อยๆ สงสัยให้ยาเยอะมั้งเลยเกิดภาวะหัวใจวาย ก็ผ่าตัดแล้วใส่ขดเลือดหัวใจ และมีไตอักเสบที่บวม นี่หายแล้วค่ะ
ช่วงที่บวมก็ไม่อยากให้ใครเจอ แต่ก็มีพี่ๆ พอดีนักข่าวไปเยี่ยมที่บ้าน ถึงได้มีภาพหลุดออกมา สำหรับสภาพร่างกายตอนนี้คิดว่าดีขึ้นเยอะ แต่ยังบวมๆ อยู่ เกิดจากไตอักเสบ แต่ที่แขนที่ขามันหายเป็นปกติ แต่ถามคุณหมอว่าทำไมหน้ามันยังไม่ยุบ หมอบอกอาจจะเป็นเพราะสเตียรอยด์ที่เรากินตกค้าง
พอมาเจอยาเคมีที่เรากินเลยเป็นแบบนี้ ตอนเช้าจะบวมมากพอรู้ว่าตัวเองเป็นหลายโรคตอนแรกก็ตกใจเหมือนกัน แค่เป็นโรค SLE ก็ทรมานแล้วนะคะ ปวดตามกระดูก
ตอนแรกเป็นจ้ำเหมือนคนเป็นเอดส์เลยค่ะ เราก็ต้องดูแลตัวเองทั้งเรื่องอาหาร เรื่องการพักผ่อน กินยาให้เป็นเวลา แต่ก่อนชอบเที่ยว ชอบสนุกสนาน ก็ต้องหยุดหมด และหันมาดูแลตัวเอง เพิ่งธรรมมะ เข้าวัด”
ส่วนค่ารักษาที่มีข่าวว่า “เอ๋-อัจฉรา” หมดไปเป็น 10 ล้าน เจ้าตัวเผยถึงเรื่องนี้ว่า “ค่ารักษาเยอะค่ะ ขายบ้าน ขายรถ ขายที่ดินที่ภาคใต้ ขายไปเยอะแล้วเหมือนกัน ที่ผ่านมามากกว่าสิบล้าน แต่มันก็หลายปีแล้ว
ค่ารักษาตอนนี้ก็เดือนละแสนกว่าบาท เฉพาะค่ายานะคะ เป็นหนี้ท่วมหัวเลยค่ะ แต่ก็โชคดีมีผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงให้เราหยิบยืมเงินใช้จ่ายก่อน ตอนนี้ก็เป็นอยู่ประมาณ 4 ล้านบาท ถามว่าเยอะไหมมันก็เยอะมากสำหรับคนที่กำลังป่วยอย่างเรา กำลังใจก็ดีระดับหนึ่ง อาศัยธรรมะแหละ
บางทีมีความรู้สึกว่าหลับแล้วไม่ตื่นได้ไหม แต่ไม่ได้คิดฆ่าตัวตายนะคะ เพียงแต่คิดว่าไม่ตื่นได้ไหม มันปวดมันเจ็บ เคยถามแม่ว่ารักเอ๋ไหม แม่บอกรักดิไม่รักจะรักษามาแบบนี้เหรอ เอ๋เลยบอกว่าช่วยทำยังไงก็ได้ให้หนูหลับไปเลย คือบ่งบอกว่าเราเจ็บ แต่ไม่อยากให้แกเป็นทุกข์หรือไม่สบายใจ
เอ๋บอกว่าถ้าเอ๋หลับไปเลยไม่ต้องให้ยาแล้วนะ ปล่อยให้เอ๋หลับยาวๆ ไปเลย แกก็ร้องไห้ รู้ถึงความเจ็บปวดว่าเจ็บแค่ไหน ส่วนเรื่องท้อ มันบ่อยนะ แต่ก็มีแม่ มีลูก แม่พยายามดึงเข้าวัด เพื่อนฝูงก็พยายามดึงเข้าวัด ลูกเป็นกำลังใจที่ดีคุยกันทุกวัน เขาจะถามแม่กินยาหรือยัง กินข้าวหรือยัง หนูรักแม่นะ แม่ต้องอยู่กับหนูนะ เวลาไปหาหมอเขาจะขอเข้าไปด้วย ไปฟังและจะคอยโทรบอกคุณยาย ทุกคนเลยดูสดชื่น ให้ความสนใจ
อย่างในแฟนเพจมีคนมาให้กำลังใจเยอะ คือใครก็ไม่รู้แต่มาบอกให้เราสู้ แค่ไปตลาดแล้วมีคนมาจับมือ บอกว่าดูข่าวอยู่เข้าใจนะ คุณต้องสู้นะ เรามีความรู้สึกว่ายังมีคนรักเราอีกเหรอ
ส่วนงานในวงการอยากจะรับงานนะ เป็นอะไรที่ใช้คำว่าบูชาวงการบันเทิง บูชาอาชีพเลยก็ได้ เพราะสามารถทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป จากเด็กบ้านนอกได้มีชีวิตที่เปลี่ยน แต่ถ้าไปแล้วต้องเป็นภาระคนอื่นไม่ทำดีกว่า”