เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์ มีรายงานชวนช็อกเปิดเผยว่า สู ถิง นักแสดงวัยรุ่นสาวชาวจีนวัย 26 ปี เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับญาติและเพื่อน ๆ รวมทั้งเหล่าบรรดาแฟนคลับ โดยมีจำนวนไม่น้อยเกิดความสงสัยและคลางแคลงใจกับการเสียชีวิตของเธอในครั้งนี้
จากรายงานระบุว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สู ถิง ได้เปิดเผยให้กับบรรดาแฟนคลับของเธอในเว็บไซต์เว่ยป๋อจำนวนกว่า 300,000 คน ทราบว่า เธอป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยเธอได้ระบุข้อความไว้ในโพสต์ว่า “ไม่ว่าฉันจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ฉันก็อยากจะใช้ทุกวันของฉันให้มีความสุข”
หลังจากนั้น สู ถิง เธอก็ปฏิเสธการเข้ารับการทำเคมีบำบัดกับโรงพยาบาล เนื่องจากมันทำให้เธอไม่สวยและต้องทนทรมานในการรักษา แต่เลือกที่จะรักษาตามแบบแพทย์แผนจีน
โดยเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา เธอได้โพสต์ภาพขณะเข้ารับการรักษาด้วยวิธีครอบแก้ว จากบุคคลที่เธอระบุว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเธอเองก็ยอมรับว่าการรักษาแบบนี้มันทำให้เธอเจ็บปวดมากด้วยเช่นกัน
ขณะนั้น หลังจากที่บรรดาแฟนคลับได้เห็นขั้นตอนการรักษาของสาวสู ถิง ก็เข้าไปแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นห่วงว่า เธอควรเลือกรักษาตามแบบตะวันตก ไม่ใช่มารักษากับแผนจีนเช่นนี้ เป็นกังวลว่าจะทำให้อาการของเธอแย่ลงได้
ทว่าหลังจากนั้น สู ถิง ก็ยังคงยืนยันที่จะรักษาตามวิธีแบบเดิมทั้ง วิธีครอบแก้ว ฝังเข็ม การขูดหลัง เจาะเลือด รวมทั้งวิธีพื้นบ้านด้วย การหยิกซ้ำ ๆ เข้าไปที่คอของเธอ ซึ่งเชื่อว่าเพื่อให้เลือดหมุนเวียน
อย่างไรก็ดี ตามการรักษาแผนโบราณนั้น ไม่มีวิธีการรักษาชนิดใดเลยที่ช่วยให้อาการของสู ถิง ดีขึ้น ตรงกันข้ามกลับทำให้เธออ่อนแอและอาการทรุดลง
ด้านน้องสาวของสู ถิง เกิดความระอาอย่างหนักจึงเปิดเผยว่าผู้ที่อ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญรายนี้หลอกลวง กระทั่งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เธอสามารถโน้มน้าวให้พี่สาวไปเข้ารับการทำคีโมได้สำเร็จ
ทว่ามันสายเกินไป เนื่องจากถึงตอนนั้น ระบบภูมิคุ้มกันของ สู ถิง อ่อนแอมาก แพทย์พยายามยื้ออาการของเธอไว้ให้ได้นานเท่าที่จะทำได้ แต่ในที่สุดเธอก็เสียชีวิต
ด้านแฟนคลับต่างพากันโทษว่าเป็นเพราะการรักษาแผนโบราณศาสตร์จีน ในขณะที่ทาง ดร.เฟิง หลี หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์จีนโบราณ ประจำสถาบันการแพทย์ในกรุงปักกิ่ง พยายามออกมาชี้แจงพร้อมทั้งขออย่าประณามว่าเป็นเพราะการแพทย์จีนโบราณเป็นเหตุให้ดาราสาวรายนี้เสียชีวิต
ภาพจาก weibo.com