Astvผู้จัดการ Live  นำเสนอบทความระบุว่า ใครๆ ก็ดูดีได้ โดยเฉพาะในยุคนวัตกรรมเสริมความงามงามกำลังเฟื้องฟูจะเสริมจะเติมส่วนใดง่ายนิดเดียว แม้กระทั่ง ‘ย้อนวัย’ คืนความหนุ่มสาวก็ดูจะเป็นไม่ไกลเกินจินตนาการ

ภาพว่อนเน็ต ‘อาภัสรา หงสกุล’ ดีกรีนางงามจักรวาล ในวัย 67 ปี กำลังเป็นที่ฮือฮา เพราะความสวยพ่วงความสาวทำให้เธอตกเป็นประเด็นว่าทุ่มเงินกว่า 2.5 ล้านบาท! ไปเข้าคอร์สย้อนวัย ซึ่งงานนี้มีคนตีธงว่าเธอกลายเป็นสาวสวยสองพันปีเพราะการฉีด ‘สเต็มเซลล์’

12

นวัตกรรมเสริมความงามสามารถเอาชนะ ‘สังขาร’ ได้จริงหรือไม่? วิธีการใดบ้างที่ถูกนำมาใช้คงความงามและลดริ้วรอยแห่งวัย? หล่อสวยด้วยแพทย์นำมาด้วยภัยร้ายแอบแฝงหรือเปล่า? ศาสตร์ด้านการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพมีคำตอบทั้งหมด

Step by step ชะลอวัย  “ศาสตร์ของการชะลอวัย และการฟื้นฟูสุขภาพเรามีกันมา 20 – 30 ปี แล้ว ทั้งในยุโรปและอเมริกา และศาสตร์เหล่านี้ก็มาถึงประเทศไทย ในเรื่องของศาสตร์ตรงนี้ ณ วันนี้เราพบว่าประชาชน มีการกินดี อยู่ดีขึ้น หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว

เราไม่มีเรื่องของความยากลำบาก เมื่อประชาชนกินดูอยู่ดี มีการออกกำลังที่ดี ศาสตร์ของการชะลอวัยในวันนี้ก็ดี การเรียนการสอนมีองค์ความรู้ตามหลักความเป็นจริงในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่ หนึ่ง – เรื่องของอาหาร, สอง – การออกกำลังกาย, สาม-การรักษาด้วยฮอร์โมน, สี่ – สเต็มเซลล์ และ ห้า – ศัลยกรรมเสริมสวย

อาทิ การใช้โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์, การดูดไขมัน, การผ่าตัดยกหน้า ฯลฯ ซึ่งศาสตร์ต่างๆ เหล่านี้ต้องทำร่วมกัน” นพ. ไพศาล รัมณีย์ธร คณบดีสำนักวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง อธิบาย

อย่างไรก็ตาม เน้นในเรื่องการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์และออกกำลังกายสม่ำเสมอก็เป็นส่วนสำคัญให้สุขภาพภาพดีดูอ่อนเยาว์อยู่แล้ว แต่ยุคที่นวัตกรรมเสริมความงามก้าวกระโดดจึงมีเครื่องมือที่เข้ามาเป็นตัวเสริมในจุดนี้

“ในคนไทยเราเองช่วง 20 ปีมานี้ เราพบว่าคนเราจะดูอายุน้อยลง ถึงแม้บางท่านจะอายุมาก เข้าวัย 60 ปี แต่บางคนยังดูอายุเพียง 40 – 50 ปี เพราะว่าอะไร ? เพราะว่ามีการกินอาหารที่ดี ครบหมู่ ได้รับสารอาหารวิตามินครบถ้วนมาตลอด มีการออกกำลังกายต่อเนื่อง 10 – 20 ปี”

ขณะที่บางกลุ่มก็มีการใช้ฮอร์โมนและศัลยกรรมเสริมความงาม “อาจการรักษาด้วยฮอร์โมน ก็จะทำให้มีร่างกายที่แข็งแรง หน้าตาอ่อนเยาว์ ประจวบกับการใช้โบท็อกซ์ และฟิลเลอร์ ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปมาก สามารถลดริ้วรอยยกหน้าให้ตึง รวมทั้งการเติมเต็มในคนไข้หน้าตอบเพราะที่อายุสูงขึ้นหน้าจะตอบเพราะไขมันจะถูกดูดซึมหายไป เราก็จะต้องใช้ฟิลเลอร์เข้ามาช่วยให้หน้าตาดูมีวอลลุม มีปริมาณของเนื้อเต่งตึงขึ้น” นพ. ไพศาล ยกตัวอย่าง พร้อมให้ความรู้เพิ่มเติม

“การฉีดทอกซิน (โบท็อกซ์) คือการฉีดตัวยาเข้าไปทำให้กล้ามเนื้อที่เคยหดตัวมันคลายตัว ตัวอย่าง เช่น ลดริ้วรอยต่างๆ บนหน้า ในวันนี้ทอกซินยังเป็นการฉีดที่เป็นมาตรฐานการดริ้วรอย ไม่ว่าจะเป็นตีนกา ริ้วรอยที่หน้าผาก ขมวดคิ้ว ไปจนถึงการปรับรูปหน้าให้เป็นรูปตัววี ส่วนการฉีดฟีลเลอร์บริเวณไหนที่มีการตอบหรือหายไป เช่น แก้มตอบ ขมับตอบ หรือมีร่องแก้มตอบ เราก็จะใช้ฟีลเลอร์เติมเข้าไป ซึ่งในวันนี้ก็มีการอนุญาติให้ใช้ฟีลเลอร์โดย อย. ท๊อกซ์ก็คือไฮยาลูโรนิกแอซิด”

ซึ่งในส่วนของการศัลยกรรมที่มีส่วนช่วยในการชะลอวัยอีกอย่างหนึ่งคือ การดูดไขมัน “ส่วนในเรื่องของศาสตร์การดูดไขมัน บริเวณที่ตรงไหนมีไขมันมากก็สามารถดูดเอาไขมันตรงนั้นออกไป ร่วมไปกับการกระชับผิว ตรงไหนมีไขมันส่วนเกินก็สามารถดูดออกได้ตรงนั้นครับ หรือในบางรายหน้ามีไขมันผิวหนังเยอะ ก็จะเข้ากระบวนการยกหน้าด้วยเครื่องมือ หรือกระบวนการผ่าตัด”

สวยเช้ง..ตามสูตรนางงาม กลับมาที่ประเด็นใบหน้าอ่อนกว่าวัยของ อาภัสรา หงสกุล นางงามจักรวาล ในวัย 67 ปี หลังภาพของเธอแชร์ว่อนเน็ตก็มีการลือกันว่าไปรับการฉีดสเต็มเซลล์ ซึ่งเจ้าตัวเองยังไม่ได้ออกมายืนยันถึงข้อเท็จจริงในส่วนนี้

สาลินี ปันยารชุน นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Salinee Panyarachun โดยตั้งข้อสังเกตว่าความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของนางงามจักรวาล วัย 67 ปี ที่สวยดั่งสาววัยแรกแย้มเป็นผลมากจากการฉีดสเต็มเซลล์ โดยผู้เชี่ยวชาญประเทศอเมริกา

“พิจารณาด้วยตาเปล่า คิดว่าเป็นกรณีหลัก” สาลินี ระบุชัดว่าเจ้าของใบหน้าอ่อนวัยที่ปรากฏว่อนโซเชียลฯ เข้ารับการฉีดสเต็มเซลล์อย่างแน่นอน ซึ่งตัวจริงแม้ไม่มีรูปภาพอดีตกับปัจจุบันเปรียบกันเธอยืนยันเสียงแข็งว่าว่า อาภัสรา นั้นเป็นต้นแบบของนางงามที่สวยสะพรั่งดูแลตัวเองตลอดมา

“ส่วนตัวเกี่ยวข้องกับศาสตร์ของสเต็มเซลล์มานานแล้ว เพราเรารู้ว่าสเต็มเซลล์คือทางออกของศตวรรษที่ 21 เลย สามารถเอาสเต็มเซลล์มาบำบัดได้ แต่ก่อนที่บำบัดได้ต้องไปตรวจก่อนว่าเราไม่มีเชื้อมะเร็งใดๆ ทั้งสิ้น เราต้องรับผิดชอบตัวเอง ในอเมริกาเขาใช้กันตั้งนานแล้ว” เธอ กล่าว

พร้อมยืนกรานว่า ดาราฮอลลิวู้ดใช้กันตั้งนานแล้ว เช่นเดียวกัน ดาราระดับท็อปในไทยรวมถึงกลุ่มเซเลบต่างก็เลือกฉีดสเต็มเซลล์เพื่อคงความสวยความหล่อดุจหนุ่มสาวสองพันปีเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเรื่องสเต็มเซลล์ที่ สาลินี กล่าวมานั้นค่อนข้างย้อนแย้งกับทาง นพ. ไพศาล ที่ให้ความรู้ว่า “ส่วนในเรื่องของสเต็มเซลล์ ศาสตร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดลองหรือวิจัย ยังไม่มีการนำมาใช้ในการแพทย์อย่างเป็นทางการ”

พร้อมยืนยัน “ในเรื่องการใช้สเต็มเซลล์เข้ามาฉีดหน้าเพื่อทำให้หน้าฟื้นฟูอายุน้อยกว่าวัย หรือในการยกกระชับหน้า ยังไม่มีผลการศึกษาทางการแพทย์ที่ออกมาชัดเจน”

 ซึ่งสเต็มเซลล์ที่ถูกนำมาใช้นั้นมีอยู่ 2 ประเภทน 1.สเต็มเซลล์จากสัตว์ 2.สเต็มเซลล์จากมนุษย์ แน่นอนว่ามีการนำนวัตกรรมของสเต็มเซลล์เข้ามาใช้ในประเทศไทย ส่งผลให้คนไข้ตกเป็นผู้เสียหายจากการรักษาและมีการร้องเรียนต่อทางแพทยสภาอย่างต่อเนื่อง  “การฉีดสเต็มเซลล์ยังไม่ผ่านการตรวจสอบโดยแพทยสภา ฉะนั้น การฉีดจึงไม่น่าจะถูกต้อง ทั้งทางแพทยสภาและทางองค์การอาหารและยา (อย.)”

 นพ. ไพศาล กล่าวว่า ประเด็นสำคัญเราต้องรู้ว่าสเต็มเซลล์ที่ถูกฉีดเข้าไปจะไปเปลี่ยนอะไรบ้าง มันก็คงต้องเปลี่ยนเป็นเซลล์ที่สร้างคอลลาเจน เปลี่ยนเป็นเซลล์ที่เกิดการแข็งแรงต่อผิว ในวันนี้สเต็มเซลล์ทั้งหมดที่ฉีดเข้าไปเรายังไม่มีตัวบ่งชี้ว่าสเต็มเซลล์ตัวนี้เปลี่ยนไปเป็นเซลล์ชนิดนี้เซลล์ชนิดนั้นอย่างชัดเจน และมันคือปัญหาที่วงการแพทย์กลัวกัน

บางครั้งสเต็มเซลล์ที่เราฉีดเข้าไปแล้วก็อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเป็นมะเร็งขึ้นมาก็ได้ เพราะมันเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ที่ไม่ใช่เซลล์ปกติ

อย่างไรก็ตาม อีกวิธีการหนึ่งที่ นพ. ไพศาล ให้ข้อมูลว่าเป็นวิธีการที่เข้ามาเป็นเครื่องมือชะลอวัยคือเรื่องการฉีดฮอร์โมน แต่เหล่านี้ก็ล้วนมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งแทบทั้งสิ้น

เรื่องโดย Astvผู้จัดการ Live

เรื่องน่าสนใจ