ที่มา: dodeden

นายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล รองโฆษกกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแผนการเตรียมความพร้อมรองรับสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยอย่างสมบูรณ์ ในปี พ.ศ.2568 ว่า จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดใน พ.ศ. 2557 ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 10 ล้านกว่าคน คิดเป็นร้อยละ 14.9 ของประชากรทั้งหมด 

โดยกรม สบส. ซึ่งมีบทบาทในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบบริการสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน  ได้มุ่งเน้นดำเนินการใน 2 ประการหลัก ประการแรก คือ การส่งเสริมให้มีระบบบริการสุขภาพ ธุรกิจบริการสุขภาพผู้สูงอายุหรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ไม่ใช่การรักษาพยาบาล ซึ่งอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 ที่มีประมาณกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้ได้มาตรฐาน

กรม สบส.ได้เตรียมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาศักยภาพมาตรฐานสถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงขึ้น ประกอบด้วยผู้แทนจากภาครัฐ-เอกชนที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านการศึกษาวิจัยการดูแลผู้สูงอายุ  และการฟื้นฟูส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาศักยภาพคนตามช่วงวัย และการปฏิรูประบบรองรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุ   กรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่พัฒนาศักยภาพมาตรฐานสถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงให้เป็นไปในระดับสากล

ขณะเดียวกันได้จัดทำร่างกฎหมายคือร่างกฎกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย สถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงทั้งหมดเป็นการเฉพาะให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ   ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2560 ซึ่งจะมีผลดีต่อการดูแลผู้สูงอายุทั้งคนไทยรวมทั้งส่งเสริมธุรกิจสุขภาพดูแลผู้สูงอายุจากต่างประเทศด้วย

ประการที่สอง คือ การส่งเสริมระบบการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนโดยสนับสนุนให้มีตำบลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการสร้างความเข้มแข็งชุมชน การมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน ท้องถิ่น ในการดูแลสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสและการดูแลระยะยาวในชุมชน ดำเนินการทุกตำบลครบ 100 เปอร์เซ็นต์  โดยอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรือ อสม. จำนวน 250,000 คน ให้เป็นนักจัดการสุขภาพกลุ่มวัย ดูแลทุกช่วงวัยที่มีอยู่ในชุมชน  และขยายระบบการดูแลเข้าสู่ครัวเรือน โดยพัฒนาอาสาสมัครประจำครอบครัวหรือ อสค.

ซึ่งคัดเลือกจากสมาชิกของครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ มีผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไตเรื้อรัง  มาฝึกอบรมให้มีความรู้เรื่องสุขภาพ

เช่น การควบคุมอาหาร การกินยา การออกกำลังกาย การดูแลจิตใจเบื้องต้น เริ่มรุ่นแรกในปี 2559 จำนวน 40,000 คน และปี 2560 ตั้งเป้าอบรมเพิ่มอีก 86,700 คนทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ระบบการดูแลสุขภาพด้วยตนเองระดับครอบครัวดีขึ้น

นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมดูแลสุขภาพตนเอง เพื่อรองรับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและการดูแลระยะยาวในครอบครัวด้วย

ทั้งนี้ การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ถือว่าเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการรองรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งกรม สบส. จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการดูแลผู้สูงอายุมีความครอบคลุมทั้ง 4 มิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ สภาพแวดล้อมและบริการสาธารณะ 

   

เรื่องน่าสนใจ