ภาพและเนื้อหาโดย : โดดเด่นดอทคอม

“ข้าวโพด” เป็นธัญพืช ที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน นอกจากจะมีฝักและเมล็ดที่มีรสชาติ หวาน แล้วยังประกอบไปด้วยคุณค่าทางอาหารมากมาย ยิ่งในปัจจุบันยุคไอที ข้าวโพดเป็นธัญพืชชั้นดี ที่จะช่วยดูแลสุขภาพร่างกายของเรา และป้องกันโรคต่างๆอีกด้วย มาดูกันว่าข้าวโพดมีประโยชน์อะไรบ้าง

Corn on the stalk

คุณค่าทางอาหารของ ข้าวโพด

  1. เมล็ดข้าวโพดที่แก่จัด มีคาร์โบไฮเดรตประมาณร้อยละ 70-72 ข้าวโพดหนัก 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี่
  2. ไขมันประมาณร้อยละ 4 สามารถสกัดเป็นน้ำมันข้าวโพดที่มีกรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันอิ่มตัวในปริมาณร้อยละ 40 กรดไลโนเลอิกมีฤทธิ์ควบคุมคอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับปกติ ช่วยลดหรือแก้โรคความดันโลหิตสูง
  3. โปรตีนประมาณร้อยละ 4 แต่โปรตีนในข้าวโพดขาดกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย 2 ชนิด คือ ไลซีน (Lysine) และทริปโตเฟน (Tryptophan) จึงควรกินถั่วร่วมด้วย เพราะถั่วมีกรดอะมิโนทั้งสองชนิดนี้อยู่มาก
  4. วิตามิน อุดมด้วยวิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 รวมไปถึงเกลือแร่

ชนิดของข้าวโพดออกเป็น 5 กลุ่ม หลักๆ

  • ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หรือข้าวโพดไร่ (Field Corn)
  • ข้าวโพดหวาน (Sweet Corn)
  • ข้าวโพดเทียน (Waxy Corn)
  • ข้าวโพดแป้ง (Flour Corn)
  • ข้าวโพดคั่ว (Pop Corn)

Depositphotos_22213275_m-2015

สรรพคุณของ ข้าวโพด

1.ช่วยบำรุงสายตา ในข้าวโพดจะมีสาร เบต้าแคโรทีน (β-carotene) หรือที่เรารู้กันว่าเป็น โปรวิตามินเอ ร่างกายเราจะนำไปใช้สร้างสารโรดอปซิน ช่วยลดอัตราเสื่อมของลูกตาและป้องกันการเป็นโรคต้อกระจกตาด้วย อีกทั้งยังมี โฟเลตซึ่งจะช่วย สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอในการเสื่อมสภาพของร่างกาย

2. ป้องกันโรคหัวใจ ข้าวโพด จะมีเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ผูกกับใยที่ละลายกับน้ำดีจากคอเลสเตอรอลในตับของเรา ซึ่งจะช่วยให้คอเลสเตอรอลในร่างกาย สลายไปได้ดีอีกด้วย แถมยังอุดมไปด้วยโฟเลต, วิตามินบีที่ช่วยในการลดระดับของ homocysteine, กรดอะมิโนที่ตามผลิตภัณฑ์ในกระบวนการเมตาบอลิซึมสำคัญ (เรียกว่ารอบการเติมหมู่เมธิ) ระดับสูงของ homocysteine สามารถทำลายเส้นเลือดที่นำไปสู่ภาวะหัวใจวายโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ลดความดันในร่างกาย

3. ต้านมะเร็ง นอกจาก ข้าวโพด จะมีสารที่ช่วยในการสร้าง โรดอปซิน ที่จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระแล้ว ข้าวโพด ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรค มะเร็งปอด และเส้นใยในข้าวโพดยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารเพื่อสุขภาพจึงลดความเสี่ยงของโรค มะเร็งลำไส้ใหญ่

4. ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหาร เส้นใยอาหารแบบไม่ละลายน้ำ ในข้าวโพดจะช่วยให้ดี สำหรับริดสีดวงทวาร จากโรคทางเดินอาหาร หรืออาหารท้องผูก ทุเลาลง เนื่องจาก เส้นใยจะช่วยดูดซับน้ำ และช่วยระบบขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้น

5. ช่วยบำรุงผิวพรรณ อย่างที่เราทราบกันดีเรื่อง สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ในข้าวโพด ทำให้ผิวพรรณของเราไม่เหี่ยวย่น เปล่งปลั่งดูสดชื่นมีชีวิตชีวา

Freshly harvested corn, close up.

จากรายงานผมการวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์แนล สหรัฐอเมริกา พบว่าข้าวโพดมีกรดเฟอรูลิก (Ferulic) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการแก่ โรคหัวใจ ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโลเลต จึงป้องกันมะเร็งผิวหนังได้ แม้เมื่อนำข้าวโพดไปต้มสุกที่อุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ความร้อนก็ไม่ได้ทำลายสารนี้ แต่กลับเป็นการเพิ่มปริมาณสารให้สูงขึ้น

ส่วนอื่นๆของข้าวโพดก็มีประโยชน์เช่นกัน

  • ไหมข้าวโพด หรือฝอยที่มีสีน้ำตาล ใช้นำมาทำน้ำมันหอมระเหย
  • เมล็ดข้าวโพด ช่วยบำรุงหัวใจ ปอด ทำให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น
  • ต้น ราก และ ใบ นำมาตากจนแห้ง แล้วต้มน้ำดื่มรักษาโรคนิ่ว
  • ซังข้าวโพดนำมาต้ม น้ำที่ได้นำมาดื่มแก้บิด ท้องร่วง ขับปัสสาวะรักษาโรคตานขโมยในเด็ก
  • ข้าวโพดอ่อนมีใยอาหารสูง ที่จะช่วยในระบบการขับถ่ายทำงานเป็นปกติ

เห็นถึงประโยชน์ขนาดนี้แล้ว คงต้องรีบหาซื้อข้าวโพดมาแทะเล่นกันแล้วหละ แต่อยากกินมากๆนะ ควรกิน ข้าวโพด แค่ครึ่งฝักหรือ 1 ฝักต่อวันเท่านั้น เพราะว่าข้าวโพดจัดเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ถ้ากินมากๆ ก็มีสิทธิ์อ้วนได้เหมือนกัน ถึงจะฝักเล็กแค่ไหนก็เถอะ

แต่โดดเด่นไม่แนะนำให้ทานข้าวโพดคลุกเนยน้ำตาลนะคะ เพราะเนยเทียม เป็น trans fat (อ่านข้อมูลอันตรายของ trans fat) และมีน้ำตาลในปริมาณที่ไม่ใช้น้อยๆ ทีเดียวค่ะ ควรทานแต่เฉพาะ ข้าวโพดอย่างเดียวจะดีกว่า

 

ข้อมูลจาก : ประโยชน์ดอทคอม, สุขภาพไทย, traphukao,

เรื่องน่าสนใจ