ที่มา: msn

หายหน้าหายตาไปนานเลยทีเดียว สำหรับหนุ่มฝรั่งหัวใจคนไทย คริสโตเฟอร์ เซฟ หรือหลายคนจะรู้จักกันดีในชื่อ คริส เดอะสตาร์ หนุ่มฝรั่งที่เคยเข้าประกวดเดอะสตาร์ 9 และผ่านเข้ารอบมา แต่มาวันนั้น คริส ได้ตัดสินใจเดินออกจากเดอะสตาร์ และออกจากเอ็กแซ็กท์ มาเป็นฟรีแลนซ์แทน ซึ่งเขาได้ให้เหตุผลว่า ด้วยความที่เป็นฝรั่ง อาจทำให้มีงานเข้ามาไม่เยอะ และไม่สามารถนำไปต่อยอดอะไรได้มาก

และล่าสุด เจ้าตัวกำลังมีหนังเรื่อง “ส่ม ภัค เสี่ยน” อีกทั้งคริสยังเผยอีกว่า ที่หายหน้าไป เพราะกลับออสเตรเลีย

เป็นยังไงบ้างช่วงนี้เหมือนงานอะไรบ้าง? “อย่างที่เห็นก็จะเป็น ส่ม ภัค เสี่ยน นี่แหละครับ ที่เพิ่งถ่ายจริงๆ ถ่ายจบไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่กำลังจะปล่อยเดือนสิงหาคมนี้ เดี๋ยวจะมีหนังเรื่อง ตีสาม ซึ่งเขาคอนเฟิร์มคิวมาแล้วจะเป็น 3 เรื่อง 3 ผู้กำกับ ผมก็จะไปอยู่หนึ่งในนั้น ปลายปีนี้ก็จะมีอีกเรื่องนึง หนังอีสานเหมือนกันแต่ว่ายังไม่รู้ชื่อเรื่อง อันนี้ต้องรอชม”

อย่างที่ผ่านๆ มาในหน้าจอหรืออาจจะในหน้าสื่ออาจจะดูว่าเราเงียบ? “ครับ ช่วงนั้นผมกลับไปอยู่ออสเตรเลียครับ ผมกลับไปอยู่ประมาณปีนึง ก็เลยหายไปพอกลับมารอบนี้ก็ได้โอกาสมาเล่นกับพี่หม่ำ มีกำลังจะทำเพลงเดือนหน้าน่าจะปล่อย แต่เป็นฟิชเจอริ่ง ไม่ใช่เพลงตัวเองเป็นร่วมแจมนิดๆ หน่อยๆ ก็นั่นแหละครับสาเหตุที่หายไปกลับบ้าน”

แล้วสัญญากับเอ็กแซ็กท์ คือยังไง? “สัญญาของผมกับเอ็กแซ็กท์ มันหมดไปตั้งแต่ปี 2014 คือหนึ่งปี หลังจากเดอะสตาร์ 9”  ก็คือพอจบเดอะสตาร์ 9 ก็คือหมดสัญญาเลย ไม่ได้ต่อ? “ไม่ได้ต่อครับ เพราะเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าจะเอาเราไปใช้งานในด้านไหน เราเป็นฝรั่ง จะเล่นละคร ก็จะมีละครสักกี่เรื่องที่มีฝรั่ง แล้วก็อาจจะเป็นด้วยความดื้อของผม ในบางตอนช่วงแรกๆ เนอะ ผมก็ยังเด็กยังมีความดื้อบ้าง แต่ก็เชื่อว่าเขาอาจจะยังไม่รู้จะเอาเราไปใช้อะไรดี ไม่อยากจะเก็บตัวเรา ให้เรามีโอกาสได้ไปรับงานข้างนอกด้วยเขาก็เลยไม่ได้ต่อ”

อย่างช่วงที่อยู่ในสัญญา คือมีงานเข้ามาไหม? “มีครับๆ ของเอ็กแซ็กท์ก็จะมีอีเวนต์ ร้องเพลง อะไรแบบนี้มาเรื่อยๆ ครับ แต่ก็อย่างว่าเขาให้โอกาสเราไปรับงานที่อื่นด้วย ก็คือไม่ต้องต่อสัญญา แต่ช่วงแรกๆ เนี่ยพอเวลามีงานอะไรมาทางเอ็กแซ็กท์ เขาก็จะโยนมาทางผมอยู่ว่า คริสมีงานนี้ติดต่อมา คิดยังไง ก็จะติดต่อกับเราตลอด แต่พอช่วงกลับบ้านไปก็คือหายจากวงการไปเลย”

แต่ไม่ได้ต่อสัญญา คือไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม? “ไม่มีครับๆ ผมรักเอ็กแซ็กท์อยู่ เพราะว่าเขาเป็นเหมือนต้นกำเนิดของการได้เข้ามาวงการ เป็นคนจุดโอกาสให้เรา เพราะฉะนั้นไม่ใช่มีปัญหาอะไรกันครับ แค่ศิลปินนักแสดงเขาเยอะ เขาอยากให้เรามีโอกาสของเราที่เราจะไปรับงานอื่นด้วยตัวเราเองได้ มันอาจจะมีโอกาสมากกว่าก็ได้”

พอหลังจากไม่ได้มีงานอะไรแล้ว ก็มีงานเพลงมา? “ตอนที่หมดสัญญาแล้วเนี่ย ก็มีงานมาบ้างไม่ได้เยอะมากแต่ก็ค่อยๆ มีเรื่อยๆ เพิ่งจะมาจริงๆงานจะเริ่มเยอะก็ตอนกลับมารอบนี้แหละครับ” แล้วเรียนจบหรือยัง? “กำลังเรียนครับ ตอนนี้ขึ้นปี 2 อยู่มหาวิทยาลัยศรีปทุมครับ เรียน APD ก็คือ โฆษณาและประชาสัมพันธ์ยุคดิจิตอลครับ อีก 3 ปีก็จะจบเพราะตอนนี้ขึ้นปี 2 ครับ จริงๆ ก็ควรจบนานแล้วเพราะว่าตอนนี้ก็จะ 23 แล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร การเรียนไม่ว่าจะช้าแค่ไหนก็ไม่สายไปครับ”

ด้วยการเป็นฝรั่งของเรา ทำให้การรับงานยากขึ้นไหม? “ความคิดของผมที่มีต่อเรื่องนี้ จะมีอย่างลูกครึ่ง ลูกครึ่งจะได้เปรียบ รับบทคนไทยก็ได้รับบทฝรั่งก็ได้ แต่อย่างผมจะให้ไปรับบทคนไทยต่อให้ผมพูดไทยพูดอีสานชัดแค่ไหน

ผมก็ไม่สามารถทำได้เพราะยังไงผมก็ไม่ใช่คนไทย หน้ามันฝรั่งขนาดนี้ จะให้มาย้อมผมดำใส่คอนแทคส์มันก็ยังไม่ได้ เรียกได้ว่าจากงานที่รับได้ 100 เปอร์เซ็นต์ โดนตัดไปครึ่ง เพราะว่าถ้าเป็นคนไทยดีดไปเลยไม่ได้แน่นอน ต่อให้เป็นโฆษณา เราก็ต้องหาเฉพาะบทที่เป็นบทฝรั่ง ซึ่งเราอยู่ไทยเนอะ บทคนไทยก็ต้องเยอะกว่าฝรั่งอยู่แล้ว”

ทำไมถึงไม่ลองมองหางานเมืองนอกที่งานตรงกับเราแบบโกอินเตอร์ไปเลย? “มันเหมือนเริ่มศูนย์ใหม่ นับหนึ่งใหม่ อยู่นี่อย่างน้อยผมก็มีคนที่ผมรู้จักมีคอนเนคชั่นบ้าง ถ้ากลับไปนู่นก็ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่หนึ่งถามว่าการที่เรามีผลงานจากประเทศไทย เขาจะมองไหม ก็ไม่รู้ เพราะมันคนละวงการกัน

วงการนอกกับวงการไทย เขาไม่ได้เอามารวมกันขนาดนั้นใช่ไหม แล้วหลักๆ เลยคือ ผมอยู่เมืองไทยจนมันเป็นบ้านผมแล้ว ผมกลับไปนู่นทีก็จะคิดถึงประเทศไทย พ่อผมก็อยู่นี่เพื่อนผมก็อยู่นี่ ก็มันอยู่ไม่ได้นานก็อยากกลับมาละ ครับเพราะฉะนั้นให้ไปอยู่ในวงการที่นู่นคงไม่สบายใจตัวเอง”

ด้านความรักล่ะ มีแฟนไหม? “มีแฟนครับๆ ตอนนี้คบมาเกินปีแล้ว ปีนึงเมื่อเดือนพฤษภาคม เป็นคนไทยครับ เขาเรียนจบแล้วครับเดี๋ยวรอต่อโทอยู่ อายุมากกว่าผมหลายปีอยู่” เขามีแบบดึงเราให้ไปเรียนไหม? “ประจำครับ วันไหนผมปาร์ตี้ดึกหน่อย รู้ว่าพรุ่งนี้มีเรียน เขาจะมาตาม คือเวลาผมนั่งดื่มกัน ผมก็กินอยู่ใต้คอนโดกับพี่ๆ ไม่ไปไหนไกล พรุ่งนี้ต้องขึ้นมานอนแล้ว ก็ดีเหมือนมีคนมาคอยไม่ให้เรามานอกลู่นอกทางมากเกินไป บางทีเวลาเรากินกับพี่ๆ มันก็ติดลม หรือบางทีนั่งเล่นเกมอยู่ดึกแล้ว แต่เราติดเกมอยู่ก็จะเล่น เขาก็จะบอกเลิกเล่นได้แล้ว ไปนอน”

อย่างที่ผ่านมาที่บอกว่าเราดื้อ เราดื้อในด้านไหน? “มีด้านความเตรียมพร้อม บางทีไปออกงานยังไม่เตรียมพร้อมตัวเองมาเต็มที่เหมือนตอนนั้นยังมันเป็นสิ่งที่เราชอบ เราเลยไม่ได้มองจริงจังว่ามันคืองาน พอเราไม่จริงจังกับมัน มันก็ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ตอนนั้นเราก็เด็กเลยยังแยกไม่ออกระหว่างเล่นกับงาน”

แล้วอย่างตอนทำงานมีปัญหาไหม? “ก็เท่าที่เคยได้ยิน ผู้จัดก็บอกว่าไม่โอเคกับนี้นะ ไม่ได้ยินอะไรมาก เราก็พยายามปรับปรุงตัวเองมาเสมอ จนเดี๋ยวนี้เราก็ 23 ละ เราคิดได้มองย้อนกลับไปก็คิดว่าเสียโอกาสพลาดโอกาสไปตรงนั้น เพราะว่าจริงๆเราควรทำตัวให้ดีกว่านี้ได้ แต่ด้วยความเกเรของเด็กคนนึง(หัวเราะ) เดี๋ยวนี้ก็ถ้าเรื่องงานจะค่อนข้างจริงจังกับมัน เราให้ประสบการณ์สอนเรา เรารู้ว่าอดีตเราเคยพลาดยังไง ในปัจจุบันเราก็แก้จากตรงนั้นให้มันดีขึ้น”

เรื่องน่าสนใจ