ชีวิตเจ้าพ่อหนังอีโรติก เล่นได้ทั้ง “ชาย-ชาย และ ชาย-หญิง”  

797746-topic-ix-0

797746-topic-ix-3

797746-topic-ix-4

797746-topic-ix-6

กว่าจะขอคิวพระเอกสุดฮอต เจ้าพ่อวงการภาพยนตร์อีโรติก มาได้ก็หลายวัน วันนี้ ผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ เลยได้โอกาสพา คุณ กวี ชัยศิลา หรือ พี่วี ของสาวๆ และหนุ่มชาวสีม่วง มาจับเข่าคุย เปลือยทุกแง่มุมชีวิต ตอบทุกคำถาม ทุกข้อสงสัยให้ทุกคนที่ติดตามฟังอย่างใกล้ชิด

ความเป็นมาก่อนเข้าวงการ ?

หลังจบการศึกษา ชั้น ม.6 ผมเดินทางจากนครสวรรค์เข้ามาตามหาฝันในกรุงเทพฯ เริ่มจากการทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์หนุ่มหน้าใส แม้จะถูกเรียกว่างานกลางคืน แต่ก็เป็นงานสุจริต เพราะรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ทำ ชอบชงเครื่องดื่ม ซึ่งสร้างรายได้ประมาณหนึ่งให้กับผม ที่นำไปส่งเสียครอบครัวได้อย่างดี

ทำวงการนี้มาตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ ก็ทำมาหลายปีแล้ว แต่ทำในรูปแบบทั่วไปเป็นฟรีแลนซ์ก่อน ยังไม่ใช่มืออาชีพ แต่ก็ค่อยๆ ขยับไปทำงานที่หลากหลายมากขึ้น มีการไปแคสติ้งบ้าง สมัครบ้าง ก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่พอดีมีรุ่นพี่คนหนึ่งชักชวน ประกอบกับที่ผมเองก็สนใจกับงานแสดงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ถือเป็นงานที่น่าสนใจ โดยหนังที่ได้เล่นเป็นเรื่องแรกคือ เรื่อง อินทรีแดง เป็นหนังอีโรติกที่ก็อปปี้มาจากหนังใหญ่ ตื่นเต้นมาก เรื่องอินทรีแดง

ถึงแม้ว่าจะเป็นบทภาพยนตร์เล็กๆ ไม่ใช่หนังใหญ่ แต่ผมมองว่าหนังก็คือหนัง หนังเล็กหนังใหญ่ก็เหมือนกันต่างกันแค่ต้นทุนในการสร้างเท่านั้นเอง การแสดงหนังเล็กนี้ ส่วนหนึ่งก็ทำรายได้ให้เรา อีกส่วนหนึ่งคือทำให้เราได้เห็นว่า การแสดง คืออะไร ได้เรียนรู้หนังเล็ก ซึ่งอนาคตหากมีโอกาสได้ไปแสดงหนังใหญ่ก็จะรู้สึกว่าตนผ่านประสบการณ์มาเยอะแล้ว สามารถเริ่มทำได้เลยไม่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่แต่แรก ไม่ได้เรียนทฤษฎี แต่เน้นปฏิบัติมากกว่า และมองว่าการแสดงก็เป็นศิลปะชิ้นหนึ่งที่ทำด้วยจิตวิญญาณ เรามองที่ผลตอบรับมากกว่า คนที่ไม่ต้องการก็มีเยอะเหมือนกัน แต่คนที่มองเห็นสิ่งที่เราทำก็มีเยอะเช่นกัน

ตั้งแต่ทำงานมามีชิ้นไหนที่รู้สึกว่า เป็นผลงานชิ้นที่พี่วีชอบที่สุด ?

เท่าที่จำได้ แสดงหนังมาทั้งหมด 40-60 เรื่อง ซึ่งเป็นหนังอีโรติกชายหญิง ช่วงที่แสดงหนังครั้งแรกอาจจะไม่ชอบมากเท่าไหร่ จนกระทั่งต่อมาวันหนึ่งรู้สึกว่ามันเป็นจุดพีคของเราก็ คือ เรื่อง รัก ลวง ชู้ หลังจากเล่นหนังมาประมาณ 10-20 เรื่องมาถึงหนังเรื่องนี้ เรารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ผู้กำกับดี ออกแบบดี ถ่ายทำดี ประกอบกับเป็นช่วงที่หนังอาร์ได้รับกระแสความนิยมสูงสุด หนังเรื่องนี้มีคิวถ่ายทำ 11 คิว แต่หนังปกติจะถ่ายเพียง 3 คิว เลยทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้เราได้เล่นเต็มที่

คนในวงการหนังเล็กเป็นยังไงบ้าง ?

คนในวงการนี้คุยกันง่ายหมด ถ้าเป็นคนทำงานจริงจะรู้เองว่าทุกคนรู้และเข้าใจในหน้าที่ของตนเอง แม้จะรู้ว่าหนังที่เราแสดงเป็นแนวนี้อยู่แล้ว แต่ก็มาทำงานนะ ไม่ได้มามั่วเรื่องเซ็กส์ ทุกคนมาด้วยใจและมาด้วยมืออาชีพจริง ๆ ส่วนคนที่จะก้าวเข้ามาวงการนี้อยู่ที่ประสบการณ์ของแต่ละคนมากกว่า ถ้าคุณเก่งคุณเจ๋งจริงคุณก็เดินเข้ามาแต่ถ้าอยากฝึกอยากพัฒนาทางบริษัทที่ทำหนังพวกนี้ ก็ยินดีที่จะสอน ไม่คิดเงิน ฝึกบางที่ อาจจะได้เข้าฉากบ้าง และ ได้เงินกลับบ้านด้วย เขาก็เปิดโอกาสให้เข้ามาตลอดเวลา คนทั่วไปก็เข้าได้หมดแต่ขอให้ใจรัก ด้านผลตอบแทนที่ได้ก็อาจจะไม่มากนักเพราะเป็นหนังเล็กทุนก็น้อยลงตาม แต่สำหรับผมทำเพราะรับงานตลอดอย่างเดือนนึงถ่ายได้ 5 เรื่อง เป็นต้น นักแสดงหรือผู้กำกับหนังเล็กแนวนี้ที่ปิดชื่อจริงก็มีนั่นก็ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่แตกต่างกันไป แต่มุมมองกลับกัน พี่วีไม่กลัวตรงนั้นเลย

เล่าถึงเรื่องเบื้องหลังการถ่ายทำกันบ้าง ?

ต้องเล่าตั้งแต่แรกว่า หนังซีดี การเขียนบท การถ่ายทำ รวมถึงการวางทุกอย่างจะเหมือนหนังใหญ่หมดเลย ต่างเพียงแค่ทุนในการถ่ายทำน้อยกว่าเท่านั้นเอง การเข้าบท เข้าฉากเซทฉากก็เหมือนกันหมด ทำงานแบบสบายๆ ที่ลำบากหน่อยคือบทเลิฟซีน บางทีก็ต้องให้คนอื่นออกไปก่อน เหลือแค่ผู้กำกับและนักแสดงในบทนั้นๆ ต้องเซฟให้ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เช่น การขึงผ้าดำ ปิดสายตาคนที่มองเข้ามา ก็ตื่นเต้นดี ส่วนผู้ชายจะไม่ค่อยเซฟเนื่องจากคนที่จะมาแสดงได้ต้องค่อนข้างควบบคุมจิตใจตัวเองได้พอสมควร อย่างเช่นผมเองก็สามารถควบคุมได้เพราะแสดงมานานและคิดว่าเป็นบทบาทที่ต้องแสดง ประกอบกับ การที่มีทีมงานถ่ายทำ อากาศร้อน ตรงนั้นจึงทำให้ยากที่จะเกิดอารมณ์ เด็กบางคนต้องถ่ายเป็นชั่วโมงแต่ผม 10 นาทีจบ แต่กับหนังชายรักชายก็จะไม่มีเซฟเลย

จากการที่อยู่ในวงการหนังแผ่นมายังมีบทบาทอื่นอีกไหมนอกจากการเป็นนักแสดง ?

ส่วนตัวมีโอกาสได้เรียนรู้ทุกขั้นตอนในการถ่ายทำภาพยนตร์ อีกทั้งยังมีโอกาสได้เขียนบทของตัวเอง เพราะผู้กำกับให้โอกาส สามารถออกแบบและคิดไอเดียบทได้หมด หากมีโอกาสในอนาคตก็อยากที่จะผันตัวไปเป็นคนเขียนบท หรือ ผู้กำกับในอนาคต แต่ในปัจจุบันนี้ ก็เริ่มทำอยู่บ้าง คือ บริษัทที่เราแสดงหนังให้ก็ได้แบ่งงานบางส่วนให้เรามาช่วยดูแล ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยผู้กำกับหนังเล็กไปก่อน วันหนึ่งหากได้ต่อยอดก็อาจจะทำหนังใหญ่ต่อไป

ทราบว่าล่าสุดมีผลงานหนังชายรักชาย ?

ก็มีหนังอีโรติกชายรักชายเข้ามา ก็ได้สัมผัสประมาณ 2-3 เรื่อง ก็รู้สึก เออ ดีนะ ตื่นเต้นดี มันได้เปลี่ยนบทบาท เปลี่ยนไอเดียในการทำงาน ได้เจอคน เจอผู้คนที่เราไม่เคยสัมผัส แต่ต้องเกริ่นก่อนว่าตัวหนังเองก็หนังเป็นแบบชายรักรักชาย ดังนั้นนักแสดงบางคนเขาก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ แต่อย่างพี่วีเนี่ยพี่วีชอบผู้หญิงมากกว่า เราเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันมีท่าทางของการเลิฟซีนแบบผู้ชายกับผู้ชายอย่างไร เราก็เลยรู้สึกว่า โอ้โห ขนาดเราเคยเจอกับผู้หญิง แต่วันนึงเรามาเจอกับผู้ชายทั้งที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนว่าเป็นยังไง ตรงนี้เราก็เลยดัดแปลงความรู้สึกของผู้หญิงมาใช้กับผู้ชาย อย่างเช่นในบทเลิฟซีน จนวันที่เราเข้ามาสัมผัสกับบทนี้เลยรู้สึกว่ามันน่าสนใจ

จุดเปลี่ยน หรือจุดพลิกผันอะไรที่ทำให้หันมาแสดงหนังชายรักชาย จนกลายเป็นขวัญใจชาวสีม่วง ?

 ถามว่าจุดเปลี่ยนมันก็มีส่วนนะ แต่ผมคิดว่า เป็นเรื่องของการเปิดตลาดมากกว่า เพราะว่า เราแสดงหนังหญิงชายมาเยอะแล้ว 50-60 เรื่อง แล้ววันนึงเรามาเปลี่ยนตลาดหันมาหาอีกกลุ่มนึงที่เขามาเสพสื่อพวกนี้ ผมเชื่อว่าชายรักชายก็ค่อนข้างมีเยอะในเมืองไทย แล้วต้นทุนในการซื้อก็เยอะกว่าด้วยอันนี้ในความคิดผม จะเห็นได้จากเวลาเขาจะช็อปปิ้งหรือแต่งตัวเขาจะมาเต็มทุกคน ก็สะท้อนให้เห็นว่าเขาค่อนข้างมีฐานะ และทุนที่เยอะมากก จึงเปิดตลาดเพื่อรองรับกำลังซื้อตรงนั้นมา นอกจากนี้ก็ยังมีงานรับถ่ายแบบปีละ 4-5 เล่ม เริ่มถ่ายมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับฟี๊ดแบ็กนี่ดีมาก (ลากเสียงยาว) เพราะกลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนมาเป็นกลุ่มชายรักชาย

 ผลตอบรับจากคนรอบข้างตอนที่เล่นหนังครั้งแรกเป็นยังไง ?

 แรกๆ ก็ไม่มีปัญหา แต่ต่อมาพอถ่ายต่อมาเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สื่อออนไลน์มันไวขึ้น คนก็เริ่มรู้จักเรามากขึ้นเรื่อยๆ แต่หลังๆคนรู้จักเยอะ บางทีเห็นก็มีโดนล้อเลียนบ้าง แต่หลักๆแล้วมันก็จะอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่รู้จักกันมากกว่า แล้วทีนี้มันก็ขยายตัวออกไปเป็นกลุ่มคนทำงาน จนคนเริ่มรู้จักเราเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่ผลตอบรับกลับมาจากทางผู้ใหญ่ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่จะเป็นแต่ละกลุ่มคนมากกว่าที่ชอบหนังแนวนี้ ส่วนตัวพี่วีก็เป็นคนที่ทำงานเพื่อมาเลี้ยงดูครอบครัวอยู่แล้ว ทางบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร

 

ส่วนการที่เล่นหนังแนวนี้ แล้วใช้ชื่อจริงของเราลงไปอย่างไม่ปกปิด ผมมองว่า มันเป็นตัวตนของเราดีนะ ผมคิดว่าวันนี้เราได้ทำงานตรงนี้แล้ว ถ้าวันนึงเราไปปกปิดมัน ก็จะกลายเป็นเหมือนดาราทั่วไปที่ปกปิดชื่อไว้แล้ววันนึงก็หายไป ไม่มีชื่ออยู่ในวงการบันเทิง แต่ถ้าคุณเปิดให้กับคนทุกคนที่เสพงานของเรา บอกตัวตนของเราว่าเราคือใคร แล้วมาจากไหนแล้วบอกความจริงมันไม่ใช่มายาสำหรับผม ผมมองด้วยความเป็นจริงมากกว่า มายา คือการหลอกลวงแต่อันนี้ผมเปิดใจด้วยความเป็นจริง ผมอยากอยู่กับความเป็นจริงมากกว่า เพราะว่าคนทุกคนติดอยู่กับคำว่ามายามากเกินไป หลอกลวงนู่นนี่นั่น ก็เกิดปัญหาล้นสังคมขึ้นมา เราก็เลยยอมรับในความเป็นจริงของเราดีกว่า

 

ความหมายคำว่า วงการภาพยนตร์ ในความคิดของ พี่วี คืออะไร ?

 ภาพยนตร์ คือการแสดงที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมนะ มันคือบทบาทที่เวลาเราได้รับภาพยนตร์เขาเขียนและไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี และถ้าวันนึงเราได้รับสิ่งนั้นมา เรามองว่ามันคือความภาคภูมิใจสำหรับตัวเรา มันคือสิ่งที่เราทำมาตลอดชีวิต เราทุ่มเทกับงานออกมาให้ดี ส่วนตัวผมอยากเล่นหนังใหญ่หลายๆ เรื่องให้คนดูได้เห็นว่าเราก็มาเล่นหนังใหญ่ได้ ทั้งๆ ที่เราทำหนังเล็กอยู่ ทุกวันนี้ก็สัมผัสกับหนังใหญ่ อย่างเรื่องแรกที่ได้แสดง คือ เดอะกิ๊ก ภาค 2 เรื่องอันลิมิเต็ดเลิฟ (Unlimited Love) ล่าสุดก็ได้ร่วมงานกับหม่อมน้อยชื่อเรื่อง จันดารา ทั้ง 2 ภาค เลย ล่าสุด ก็สวมบทบาทใหม่ เป็นนายทหารหนุ่ม ในเรื่อง ศรีธนญชัย 555+ ซึ่งจะออกฉายในเดือนมิถุนายนนี้

 

สำหรับวงการหนัง อันดับแรก คือ ต้องมีความชอบก่อนเราจึงมายืนถึงตรงนี้ได้ อันดับสอง คือ อยากทำงานตรงนี้ไปนานๆ เพราะว่าเราชอบสิ่งที่เรารักเราก็อยู่ได้ อันดับสาม คือ ส่วนตัวเป็นคนชอบดูหนังอยู่แล้วโดยเฉพาะหนังประเภทดราม่า เพราะมันเป็นเรื่องราวของชีวิตคน ก่อนที่จะสร้างหนังเรื่องหนึ่งขึ้นมา ก็จะเขียนบทก่อนให้มันซึ้งกินใจมีความน่าสงสาร ถ้าหากจะให้สร้างหนังซักเรื่อง ก็จะสร้างหนังดราม่า ด้วยมุมมองที่ว่า ชีวิตของบางคนเป็นชีวิตที่ลำบากมาก ลำบากจนไม่มีคนเห็น เราก็อยากสื่อออกมาให้คนทั้งประเทศเห็นว่า คนที่ลำบากอยู่ก็สามารถที่จะฟื้นคืนกลับมาได้เหมือนเราให้กำลังใจเขา

 

มีความคิดเห็นยังไงกับหนังนอกกระแส ?

 หนังนอกกระแสมันก็ดีส่วนหนึ่งกับคนที่ชอบหนังแนวนี้ เหมือนหนังเกรดบี แต่ถ้าคนที่ชอบหนังแบบนี้พูดถึงก็มีเยอะ แต่บางทีหนังนอกระแสก็ทำออกมาดีกว่าหนังในกระแสก็ได้ อยู่ที่ว่าคนดูจะเสพแบบไหน คุณจะเอานอกกระแส หรือเอาในกระแสเท่านั้นเอง คิดว่ามันก็ไม่ต่างจากหนังใหญ่ กระแสคือกระแส แต่ผลงานที่ออกมามันไม่เหมือนกัน

 

มาถึงคำถามที่สาวแท้ สาวเทียมอยากรู้กันเป็นพิเศษ ตกลงว่าพี่วีเปิดใจให้ใครบ้าง ?

 ก็…ไม่เป็นค่ะ ฮ่า ๆ พี่วีชอบผู้หญิงครับ แต่คือเรามองกลุ่มสีม่วงด้วยเขาเป็นแฟนคลับเรา แต่จิตใจก็เป็นแบบของเราเองมากกว่า ผมไม่แอนตี้กลุ่มสีม่วงนะ และค่อนข้างมีทัศนคติที่ดีกับเขาด้วยซ้ำ เพราะเราต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเขา ทั้งช่างแต่งหน้าทำผม ก็ค่อนข้างดูแลเราดีมากกว่า

 เล่นหนังมาเยอะขนาดนี้ แฟนคลับเป็นยังไงบ้าง ?

 ก็มีหลายประเภท คนที่ชอบผมชื่นชมผลงานผมจริง ๆ ก็มีก็จะคอยมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันเสมอ ทางแชทเฟซบุ๊กบ้าง แต่ก็อย่างที่รู้กันหนังที่ผมเล่น โดยเนื้อหาหลักทุกคนที่ซื้อไปดู ก็เพราะเขาสนใจในเรื่องเซ็กส์ ถ้าเป็นแฟนคลับผู้หญิงบางคนก็จะมาในรูปแบบเชิงชื่นชมผ่านเว็บบอร์ดในโลกออนไลน์ เช่น ชอบพี่วีนะคะ เห็นของพี่วีแล้วนะคะ ประมาณนี้ แต่ธรรมชาติของผู้หญิงมักจะไม่กล้าเปิดเผยตัวตนมากเท่ากับแฟนคลับผู้ชาย ขณะที่แฟนคลับชาวสีม่วงก็มีและมีเยอะมากด้วย บางคนก็ชวนไปทานข้าว ดูหนัง บางคนก็โทรมาที่เบอร์ส่วนตัว ทำเสียงหื่นๆ ใส่ก็มี บางคนโทรมาถามว่าวันนี้ใส่กางเกงในสีอะไร ผมเองก็ขับรถอยู่จะให้ถอดมาดูยังไง (พี่วีกล่าวติดตลก) บางทีก็มีโทรมาถามค่าตัวเราเลยว่า ผมคิดค่าตัวเท่าไหร่ พอผมแกล้งบอกไป ห้าหมื่น แสนนึง หลังจากนั้นเขาก็หายไปเลย

 

ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่ออกมาตีแผ่แง่มุมชีวิตของพระเอกหนังอาร์ สุดท้ายพีวีแอบกระซิบว่าอย่าลืมติดตามผลงานของผมด้วยนะครับ

 

เครดิตภาพและข่าวโดย มติชนออนไลน์,แมกกาซีนดี

ป้ายกำกับ:

เรื่องน่าสนใจ