ที่มา: thairath

นำเสนอข่าวโดย โดดเด่นดอทคอม

ภาพ ไทยรัฐ

ความคืบหน้าคดี “ธัมมชโย” ที่สงฆ์ 2 ฝ่ายยังขับเคี่ยวกัน เว็บไซต์โดดเด่นดอทคอม ( www.dodeden.com ) รายงานว่า คณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง ถวายคืนพระราชอำนาจสมเด็จพระสังฆราช

โดยระบุว่า ห้ามมีการแทรกแซงและเร่งถวายคืนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในการสถาปนาและปฏิบัติต่อสมเด็จพระสังฆราชในทุกกรณี

EyWwB5WU57MYnKOuFqMVY6icFwrYKCKpoaIB4JST6z7d7B3zNFGhDZ

พร้อมกับเรียกร้องให้ยกเลิกข้อความที่มีปัญหาใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับปัจจุบัน และให้เคารพพระธรรมวินัย ห้ามทุกภาคส่วนเข้าแทรกแซงหรือก้าวล่วงสมบัติของสงฆ์

แต่หากพระสงฆ์กระทำผิดพระธรรมวินัย ก็ต้องถูกดำเนินการตามพระธรรมวินัย และกฎหมาย

ขณะที่เครือข่ายพระธรรมทูตไทยและกลุ่มชาวพุทธไทยในยุโรปและสหราชอาณาจักร ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

ระบุว่า คณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนา มีการให้สัมภาษณ์ในลักษณะข่มขู่ คุกคาม ว่าจะตรวจสอบกรรมการมหาเถรสมาคม

อีกทั้งเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ม็อบของพุทธะอิสระยังไปคุกคามกรรมการ มส. และผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จึงขอให้นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งยุบกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนา ให้ออกมาตรการเพื่อปกป้องภัย พระศาสนาและมหาเถรฯ และให้ปราบปรามกลุ่มของพุทธะอิสระและผู้ที่แอบอ้างศาสนาจนทำให้เกิดความขัดแย้ง

ด้านนายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา หรือ สนพ. กล่าวว่า เคยไปบันทึกเทปรายการโทรทัศน์ร่วมกับนายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้ชี้แจงนอกรอบไปว่าไม่ได้คัดค้านการตรวจสอบวัดพระธรรมกาย แต่ไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนา

ซึ่งนายไพบูลย์ก็เข้าใจตรงกัน แต่หลังจากนั้นนายไพบูลย์กลับออกมาให้ข่าวว่า การเคลื่อนไหวของ สนพ. ได้รับการสนับสนุนจากวัดพระธรรมกาย หากนาย ไพบูลย์ยังให้สัมภาษณ์ลักษณะนี้อีก สนพ.จะแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียุบคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน สปช.เป็นประธานว่า นายกฯหรือ คสช.ไม่มีสิทธิ์ยุบคณะกรรมการชุดนี้

เพราะไม่ได้เป็นคนตั้งขึ้น ต้องไปถามประธาน สปช.ที่เป็นผู้ตั้งขึ้น รัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงได้ ขอย้ำว่ารัฐบาลได้แยกเรื่องศาสนากับบ้านเมือง ประเด็นใดเป็นเรื่องศาสนาเป็นเรื่องคณะสงฆ์วินิจฉัย รัฐบาลจะทำในส่วนที่เกี่ยวกับทางบ้านเมือง ฝากเรียนไปยังทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ การจะปฏิรูปวงการศาสนานั้น

ใครมีหน้าที่ก็ทำของท่านไป เมื่อมีข้อสรุปว่าจะปฏิรูปเรื่องใดก็ต้องส่งให้รัฐบาล เรื่องใดที่จะไปแตะคณะสงฆ์ รัฐบาลก็ต้องส่งเรื่องนั้นไปให้คณะสงฆ์ โดยเฉพาะมหา-เถรสมาคมเพื่อฟังความเห็น จึงขอให้ไว้วางใจ เพราะมีข่าวทำนองว่ารัฐบาลจะรวบรัดตัดความ ซึ่งไม่มีวันจะเกิดขึ้นได้แน่นอน

ขณะที่การสอบสวนคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ยูเนี่ยน คลองจั่น พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. กล่าวที่กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน. 2 รอ.) ว่าคดีนี้ต้องแยกระหว่างการตรวจสอบวัดพระธรรมกาย และบุคคลที่กระทำผิดออกจากกัน

ปปง.จะไม่เข้าไปยุ่งในเรื่องคดีอาญา ที่ตัวบุคคลเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เป็นหน้าที่ของดีเอสไอ แต่ ปปง. จะเข้าไปดูในรายละเอียดเรื่องทรัพย์ที่ได้มา โดยหลักการแล้ว บุคคลใดที่รับทรัพย์สินที่ได้ไปจากการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ปปง.จะดูเจตนาว่ารู้หรือไม่ว่าทรัพย์ที่ได้รับ เป็นทรัพย์ที่ได้มาจาก การฟอกเงินหรือไม่

พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า ถ้าชี้แจงได้ก็จะไม่มีความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน แต่ทรัพย์ถูกอายัดได้ คล้ายกับกรณีของ บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ปปง.จะต้องดูเจตนาของผู้ที่รับเงินไป ถ้ายืนยันในเจตนาบริสุทธิ์ มีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้อง ก็ไม่ผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน

นอกจากนี้ ปปง.จะเข้าไปตรวจสอบสหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยน มงคลเศรษฐี ว่าเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ดินของวัดพระธรรมกายที่คณะกรรมการปฏิรูปเสนอให้ ปปง.ไปตรวจสอบ กำลังดำเนินการอยู่

และไม่สามารถเปิดเผยคำชี้แจงของนายสถาพร วัฒนา-ศิรินุกุล ผู้บริหารบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ที่เข้าชี้แจงกับ ปปง.หลังถูกอายัดทรัพย์ และในวันที่ 17 มี.ค. จะพิจารณาคำชี้แจงของนายสถาพรก่อนลงมติว่าจะเพิกถอนอายัดหรือไม่

ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์ สุวชีวกุล หัวหน้าพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ชุดตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่างสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกับวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบสิ่งก่อสร้างภายในวัดพระธรรมกาย ประเมินมูลค่าทรัพย์สินของวัดและหาความเชื่อมโยงของจำนวนเงิน ที่มีการยักยอกจากสหกรณ์ฯ

ทั้งนี้ ตั้งแต่สัปดาห์หน้าหรือวันที่ 10 มี.ค.เป็นต้นไป จะมีการสอบปากคำธัมมชโยและพระลูกวัดที่เกี่ยวข้องกับจำนวนเช็ค 878 ฉบับ รวมทั้งบุคคลและนิติบุคคลที่ชื่อปรากฏในเช็คทั้งหมด

โดยจะทยอยสอบปากคำวันละ 3-4 คน ส่วนคดีจะรวดเร็วหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการให้ความร่วมมือของผู้เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องอายุคดีความยืนยันไม่ต้องเป็นห่วง เนื่องจากคดียักยอกทรัพย์มีอายุความถึง 15 ปี ซึ่งจะเริ่มนับตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ.2552

พ.ต.ท.ปกรณ์กล่าวอีกว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โอนเงินให้ธัมมชโยกับวัดพระธรรมกาย และยังพบว่ามีการโอนเงินต่อไปยังบุคคลอื่นอีกจำนวนหลายกลุ่ม

แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ามีกี่คน มีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านธนาคารกว่า 8-9 แห่ง ต้องยอมรับว่า การติดตามเส้นทางการเงินนั้นเป็นเรื่องยากกว่าจะเจอเงินจำนวนดังกล่าว ไปสิ้นสุดปลายทางที่ใคร ถ้ามีการรับเงินแล้วโอนเงินต่อไปในช่วง 1-2 วัน ก็จะตรวจสอบได้ง่าย แต่ถ้าโอนต่อเข้าไปที่วัด แล้วพักเงินไว้เป็นเวลานาน

ก่อนที่จะโอนย้ายเงินให้กับบุคคลอื่นก็จะยากในการติดตามตรวจสอบว่าเงินไปสิ้นสุดที่ใด จุดนี้ถือว่ายากในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน จะต้องใช้เวลามาก

เพราะถ้าเขาไซฟ่อนเงิน คนที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้จะต้องมีความพยายาม ยักย้ายถ่ายเทโอนเงิน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ติดตามเส้นทางการเงินได้

ส่วนกรณีที่นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บอกว่าจะให้ดีเอสไอเข้าไปยึดอายัดทรัพย์สินของวัดพระธรรมกาย

หากวัดยังไม่มีการคืนเงินบริจาคภายในเดือน มี.ค.นี้ เบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามีการประสานเรื่องดังกล่าว มาที่ดีเอสไอเพื่อให้เข้าไปยึดอายัดทรัพย์สินของวัดพระธรรมกาย แต่ยืนยันว่าดีเอสไอจะเร่งดำเนินการตรวจสอบนำเงินกลับคืนสู่สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นทุกราย

ขณะที่นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ยื่นฟ้องเรียกเงินของสหกรณ์คืนจากธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายและพระลูกวัด จำนวนเงินรวม 937 ล้านบาท

อยากขอให้ฝ่ายสงฆ์ช่วยชาวบ้าน ด้วยการคืนเงินให้แก่สหกรณ์ เพราะผู้เดือดร้อนมีจำนวนมาก เชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่สบายใจที่จะใช้กระบวนการทางกฎหมายกับพระ

หากเป็นได้ถ้าวัดไม่สามารถจะคืนเงินทั้งหมด 937 ล้านบาทในงวดเดียว ขอให้ทยอยคืนมาอาจจะครั้งละ 100 ล้านบาทก็ได้ ถ้าได้เงินคืนจากวัดพระธรรม–กาย ก็จะช่วยให้ผู้ฝากเงินรายย่อยกว่า 54,000 คน มีโอกาสถอนเงินฝากคืนได้ เพราะกลุ่มนี้มีเงินฝากรวมกันไม่ถึง 600 ล้านบาท

เรื่องน่าสนใจ