เมื่อไม่กี่วันมานี้มีข่าวว่า “นุกนิก ตีสิบ” คิดสั้นฆ่าตัวตาย เพราะอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากปัญหาทุกอย่างถาโถมเข้ามาจนจิตใจรับไม่ไหว ทั้งภาระทางการเงินที่เป็นเสาหลักของครอบครัว
ล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดใจกับรายการ “ข่าวช่อง 2” ว่าครอบครัวของตน “ยากจน” ที่ผ่านมาทำงานไม่เคยเกี่ยงเงินมาก เงินน้อย หวังให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
และการ “ฆ่าตัวตาย” ในครั้งนี้คือบทเรียนราคาแสนแพง พร้อมกราบขอโทษ “พ่อ-แม่” จากนี้ไปจะไม่คิดหนีปัญหาด้วยวิธีนี้อีก
ณ วันนั้นอะไรที่ทำให้เราไม่อยากมีชีวิตอยู่ ?
“ปัญหามันมีทุกคน อยู่ที่ว่าเราจะเลือกทางออกทางไหน นุกนิกเป็นลูกคนที่ 2 มีพี่น้อง 2 คน พี่สาวเพิ่งเสียไปปีที่แล้ว เมื่อก่อนหนูเป็นครูสอนนาฏศิลป์ ข้าราชการเนอะ เงินเดือนมันน้อย พอพี่สาวเสียทุกสิ่งทุกอย่างมันมาตกอยู่ที่หนูหมดเลย ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าคอนโด ค่ากินค่าอยู่ทุกอย่างเป็นหนูหมด”
เราเป็นเสาหลักของบ้าน ?
“ใช่ค่ะ แล้ววันนั้นทั้งค่าโน้นค่านี่มันโถมมาหาเรา เราคิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก จะไปปรึกษาใครเรื่องเงินเรื่องทอง หนูบอกตรงๆ หนูยืมพี่แสนหนึ่งพี่จะให้หนูยืมไหม ปัญหาของใคร ใครก็ช่วยกันไม่ได้”
ปัญหาหลักคือเรื่องเงิน ?
“ใช่ค่ะ”
ถ้าวันนั้นเราไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แล้วพ่อแม่ล่ะ ?
“ตอนนั้นไม่ได้คิด คิดแค่ว่าถ้าเราตายไปแล้วปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างจบ คิดแค่นี้ ไม่ได้คิดว่าพ่อแม่ต้องมารับผิดชอบภาระต่อเรา มันเป็นช่วงวูบหนึ่งเท่านั้นหนูคิดอย่างนี้”
วันนั้นเรื่องราวเป็นยังไง ?
“วันนั้นใกล้ๆ จะสิ้นเดือน ค่ารถ ค่าโน้นค่านี่มา เราหมุมเงินไม่ทัน คิดแหละว่าจะไปยืมใคร หนูไม่กล้าบอกตรงๆ เป็นคนหน้าด้านไม่ค่อยกล้ายืมเงินใคร ไม่มีก็คือไม่กิน ไม่แดกมันเลย ประมาณนั้น คืออด ไม่ต้องให้ใครรู้ พ่อแม่เราก็จะไม่รู้”
เรื่องเงินเนี่ยเรามีปัญหาก่อนหน้านี้ไหม ?
“เมื่อก่อนตอนพี่สาวหนูอยู่ก็พอเจียดใช้ได้ เมื่อก่อนพ่อแม่ก็ส่งให้สบายๆ แต่พอพี่สาวเสียทุกอย่างก็ดร็อปลงหมดเลย
หนูต้องหาเอง ตระเวนหาหมดทุกอย่าง ร้องเพลงวันละ 200-300 หนูไปหมดเลยนะ ไม่เคยเกี่ยงเงินน้อย ไปหมดเลย งานวัดงานว่า งานฉลองบุญบ้านใหม่ หนูไปหมด ไม่เคยเกี่ยง”
เรามีปัญหาเรื่องเงินตั้งแต่เดือนไหน ที่หนักๆ ?
“ตั้งแต่ต้นปี นุกนิกอยู่ต่างจังหวัดมาก่อน คราวนี้ก็เข้ามาอยู่กรุงเทพ ภาระมันก็ยิ่งเยอะเนาะ เราก็คิดอยู่ว่าทำยังไงให้ได้เงินมาส่ง มาจุนเจือครอบครัว ให้พ่อให้แม่ได้สบาย”
ไม่คิดขายรถที่ใช้อยู่ ?
“ไม่ ถ้าภาระตรงนี้หนูทำมันขึ้นมาแล้วทำไม่ได้หนูจะไม่ทำ คือตอนนั้นในความคิดของหนู หนูไม่คิดอะไรเลย อยากตายอย่างเดียว อยากหนีปัญหา ตายแล้วปุ๊บทุกสิ่งทุกอย่างจบประมาณนั้น”
ขออนุญาติถาม คิดจะตายยังไง ?
“บอกตรงๆ นะตอนแรกคิดจะผูกคอตาย คือรู้แหละว่าถ้าผูกคอตายสมมุติมันไม่ตายขึ้นมามันทรมาน เครียดมาก หนูไม่กล้าโทรหาแม่ ไม่กล้าบอกปัญหาทุกสิ่งทุกอย่าง
หนูรับผิดชอบคนเดียวทุกอย่าง ไม่เคยบอกญาติพี่น้อง ไม่เคยบอกเพื่อนให้ฟังเลย เป็นแบบนี้ ก็เลยตัดสินใจกินยาดีกว่า ยาพาราแต่ไม่รู้กินเยอะขนาดไหน มันมือ แต่เป็นกำ ก็ยัดใส่ปากเลย”
หลังจากกินเป็นไงบ้าง ?
“รู้สึกว่าเราไปนอนดีกว่า เก๋ๆ สบายๆ แต่พอไปสักพักรู้สึกมันทรมาน มันออกร้อน ร้อนแบบ… มันบอกไม่ถูก แล้วคราวนี้ก็ประมาณว่ากูจะตายไม่ได้นะ ถ้ากูตายไปแล้ว พ่อกับแม่กูจะอยู่ยังไง ระหว่างที่เรานอนอยู่มันก็ฉุกขึ้นมาในหัว แว้บหนึ่งพ่อกับแม่ ถ้านุกนิกตายไปพ่อกับแม่จะอยู่ยังไง
ประเด็นสำคัญคือเพิ่งจะสียพี่สาวไปด้วย ก็เลยคิดขึ้นมาได้ ไม่ไหวนะ เราหนีปัญหาไม่ได้นะ พ่อกับแม่ต้องรับผิดชอบภาระทุกสิ่งทุกอย่างแทนเรา ก็เลยโทรหายาม พาหนูไปโรงพยาบาลหน่อย
ยามก็ถามว่าห้องไหน ตอนนั้นเราเบลอแล้ว บอกเขาชั้น 5 เข้าก็ขึ้นมาก็เคาะหา แต่หนูไม่ได้ตอบ เขาก็ไม่กล้าเปิดห้องเพราะเขาเป็นยาม สักครู่หนึ่งเราก็บอกเขาว่าอยู่ห้องนี้ มันอึกอัก พูดอะไรไม่ถูก มันแน่นอก มันทำอะไรไม่ถูก ยาม 2 คน ตอนแรกมาคนหนึ่งยกไม่ไหว ยามเท่าหน้าแข้งหนูเองค่ะ(หัวเราะ) ยามมา 2 คน หามลงลิฟท์เรียกแท็กซี่แล้วก็ไปส่งโรงพยาบาล”
ตอนที่เห็นว่ามีคนมาช่วยแล้วรู้สึกยังไง ?
“เรารอดตายแล้ว”
คิดกลับกันกับตอนแรกเลย ?
“มันเป็นอะไรแค่วูบเดียว วูบเดียวชีวิตเราเปลี่ยนเลยนะคะหนูบอกตรงๆ โชคดีที่หนูคิด หนูมีพ่อมีแม่ที่คอยดูแลเราอยู่ เราก็ต้องดูแลท่าน หนูคิดผิดมากๆ ที่ฆ่าตัวตาย”
พ่อแม่รู้เรื่องแล้ว ?
“ตอนแรกหนูจะไม่บอกท่านนะ”
ตัดสินใจบอก ?
“เหลือหนูคนเดียว ถ้าหนูตายไปจะไม่บอกท่านเหรอ หนูไม่ได้บอกเขาหรอก โซเชี่ยลทางบ้านเขามีเฟชบุ๊คกัน คือแม่แกเป็นคนบ้านนอกไม่เห็นหรอก
แต่พอตอนเย็นมา ลูกเป็นอะไร อยู่โรงพยาบาล สายโยงสายยางกินยาอะไร มีคนไปบอกแม่ที่สวดมนต์อยู่วัด ตกใจ โทรมาหนูก็ไม่ได้รับเพราะว่าโทรศัพท์อยู่ที่ห้อง”
สุดท้ายได้คุยกับแม่ตอไหน ?
“อีกวันหนึ่งค่ะ โทรไปหาเพื่อน ก็จะบอกเพื่อนแหละว่าไม่ต้องบอกพ่อกับแม่นะ กลัวแกเป็นห่วงมาก ไม่รู้หรอกว่าเขารู้แล้ว”
วันที่ได้คุยกับพ่อแม่ หลังจากที่เขารู้เรื่องเขาว่ายังไง ?
“ลูกแม่เหลือลูกคนเดียว แกบอกว่าหัวใจแกจะหล่นจากขวัญ(จะขาดใจ) สงสารแก หนูแม่เข้าใจ หนูสงสารแม่ หนูอยากกราบเท้าแม่(พนมมือน้ำตาคลอ) กับพ่อ
ถ้าหนูมีโอกาสหนูจะพูดกับแกเลยว่า พ่อแม่คือหนูไม่ตั้งใจ นุกนิกทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพ่อกับแม่ ไม่ได้เพื่อตัวเองเลยทุกวันนี้ที่เข้ามากรุงเพทพคืออยากหาเงิน อยากทำรายได้ให้พ่อกับแม่ได้มีความสุขเท่าเทียมกับคนอื่เขา เพราะว่าหนูเป็นคนจน หนูไม่ได้มือเงินมากมายอะไรเลย หนูอยากโด่งดัง มีชื่อเสียง หนูทำทุกอย่างไม่เคยเกี่ยงเงินน้อยเงินมากเลยพี่”