ผักและผลไม้ มีใยอาหารหรือเส้นใยที่ช่วยทําความสะอาดลําไส้ ช่วยลดการดูดซึม ไขมัน และคอเลสเตอรอลในเลือด ทําให้ระบบย่อยอาหารและระบบการขับถ่ายดีขึ้น มีวิตามิน แร่ธาตุ รวมถึงสารอาหารที่จําเป็นต่อการเจริญเติบโต และช่วยปรับสมดุลเอนไซม์ ฮอร์โมนในร่างกาย ให้ทํางานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้สารพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งบางชนิด อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการอักเสบของเซลล์และเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เรามักจะพบว่า ผักและผลไม้บางชนิดมีการตกค้างของสารเคมีกําจัดศัตรูพืช ซึ่งหากสะสมในร่างกายนานๆ เข้า ก็จะกลายเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็ง รวมถึงการปนเปื้อนของพยาธิ เชื้ออีโคไล และเชื้อซาลโมเนลลา ที่เป็นเชื้อก่อโรคอาหารเป็นพิษ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการใช้ปุ๋ยจากมูลสัตว์ในการเพาะปลูก
3 วิธีล้างผักและผลไม้ ที่ใครๆ ก็สามารถทําได้
ล้างด้วยน้ำไหล
เหมาะสําหรับผักและผลไม้ปริมาณไม่มาก สะดวก ลดสารพิษได้ร้อยละ 25 – 65 ผักและผลไม้คงความสด ไม่ช้ำจากสารเคมี แต่อาจเสียเวลานาน และใช้ปริมาณน้ำมาก
วิธีการล้าง
ล้างด้วยผงฟู หรือเบคกิ้งโซดา
เบคกิ้งโซดา สามารถแตกตัว ทําปฏิกิริยากับสารเคมีป้องกันกําจัดศัตรูพืชให้เสื่อมสภาพ ช่วยลดสารพิษได้ถึงร้อยละ 90 – 95 ราคาไม่แพง หาซื้อง่าย แต่เนื่องจากเบคกิ้งโซดามีส่วนผสมของโซเดียม หากล้างไม่สะอาดหลังแช่ หรือมีเบคกิ้งโซดาตกค้างในปริมาณมาก อาจทําให้ท้องเสียได้ วิธีการล้าง ใช้ผงฟูหรือเบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ นํามาผสมกับน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา 10 ลิตร แล้วนําผักหรือผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยสะอาดอีกครั้งหนึ่ง
ล้างด้วยน้ำส้มสายชู
การล้างผักผลไม้ด้วยน้ำส้มสายชู ช่วยลดสารพิษได้ร้อยละ 60 – 84 สามารถล้างไข่พยาธิได้ ข้อควรระวังคือ ไม่ควรใช้ภาชนะพลาสติก และผักใบบางชนิดอาจ มีกลิ่นของน้ำส้มสายชูได้ วิธีการล้าง เตรียมน้ำส้มสายชูที่มีกรดน้ำส้มความเข้มข้น 5% ของกรดน้ำส้ม นํามาผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร แล้วจึงนําผักมาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง
………………………………………………………….
ผักและผลไม้ที่ผ่านการล้างอย่างถูกวิธี นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงของการที่ต้องรับสารเคมีตกค้างเข้าสู่ร่างกายแล้ว ยังช่วยให้ได้บริโภคผัก และผลไม้ที่สะอาดปลอดภัยอีกด้วย
เนื้อหาโดย Dodeden.com
