เนื้อหาโดย Dodeden.com

จริงๆ แล้ว แฟชั่นย้อมสีผมของคนเรานั้น ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล เดิมทีเป็นการนําเอาผงใบไม้หรือผงสมุนไพรที่มีสีสันสวยงามตามธรรมชาติมาป้ายย้อมบนเส้นผม เช่น สีจากใบเฮนน่า (Henna) หรือสีเหลืองปนน้ำตาลที่ได้จากดอกคาโมมายล์ จนเมื่อเวลาผ่านไป มีความก้าวหน้าในการผลิตน้ำยาย้อมสีผม ให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น สีติดทนนาน และมีหลายเฉดสีให้เลือกสรร ด้วยส่วนผสมของสารสังเคราะห์หลายชนิด แทนสีที่ได้จากพืชเพียงอย่างเดียว ทําให้ความงามของเฉดสีที่ได้มานั้น ล้วนมาพร้อมกับอันตรายของสารเคมีที่แฝงอยู่ด้วย โดยเฉพาะคนที่ชอบเปลี่ยนสีผมอยู่บ่อยๆ ก็มีแนวโน้มที่จะสัมผัสกับสารเคมีได้มากกว่าผู้ที่ไม่ทําสีผม หรือนานๆ ทําที

สารเคมีที่ใช้ในน้ำยาย้อมสีผมถาวรและน้ำยาที่ใช้สําหรับดัดยืดผมนั้น มีส่วนทําให้เส้นผมหยาบเปราะและขาดง่าย อีกทั้งยังมีรายงานถึงการระคายเคือง และการแพ้สารเคมี แต่อาการแพ้จะพบในน้ำยาย้อมสีผม มากกว่าน้ำยาดัดยืดผม โดยเฉพาะสารเคมีที่มีชื่อว่า PPD (Para-Phenylenediamine) เป็นปัญหาหลักที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งจากการศึกษาในคนไทยพบว่า มีการแพ้สารเคมีชนิดนี้ในคนทั่วไปประมาณ 2-3% ลักษณะอาการแพ้มักเป็นผื่นคัน พองเป็นตุ่มน้ำ หรือบางคนอาจแพ้มากจนหน้าบวม ตาบวม

นอกเหนือจากสาร PPD หรือฟินิลินไดอะมีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่พบในยาย้อมผมชนิดถาวร และจัดเป็นสารเคมีอันตรายชนิดหนึ่งแล้ว ในยาย้อมผมที่มีจําหน่ายทั่วไปในปัจจุบันนั้น ยังประกอบไปด้วยสารเคมีชนิดอื่น ที่มีฤทธิ์เป็นกรดและด่างอีกมากมาย เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เป็นสารฟอกสีผมที่มีส่วนทําลายเส้นผม สารประกอบแอมโมเนีย ตัวช่วยให้สีย้อมติดผม รวมไปถึงสารซิลเวอร์ไนเตรท ที่มีคุณสมบัติปกปิดผมขาว เป็นต้น

ยาย้อมผมโทนสีเข้ม เสี่ยงแพ้มากกว่าโทนสีอ่อน
สําหรับอาการแพ้สารเคมีในยาย้อมผมนั้น ส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการแพ้ในครั้งแรกทันทีที่ใช้ยาย้อมสีผม หากแต่เมื่อใช้ในครั้งถัด ๆ ไปหรือประมาณ 2-3 ครั้ง ผู้ที่แพ้สารเคมีจะแสดงอาการแพ้ภายใน 1-2 วัน หลังจากการย้อมสีผมครั้งล่าสุด เช่น มีอาการคันหรือเป็นตุ่มน้ำพอง สําหรับในรายที่แพ้รุนแรง อาการแพ้อาจเกิดขึ้นได้เร็วหรือภายในวันเดียวหลังจากการย้อมสีผม โดยอาจจะมีอาการหน้าบวมตาบวมหรือมีตุ่มน้ำเกิดขึ้นบริเวณหนังศีรษะ ซึ่งสารเคมีชนิดที่ทําให้แพ้ได้บ่อยหรือ PPD นั้น มักอยู่ในยาย้อมผมที่สีเข้มๆ เช่น สีดำ สีน้ำตาลเข้มมากกว่าสีอ่อน เช่น สีทองบลอนด์ ซึ่งโทนสีพวกนี้จะไม่ค่อยใส่สาร PPD มากนัก อาจใช้น้อยกว่าหรือใช้เป็นสารอนุพันธ์ตัวอื่นแทน จริงๆ ถ้าพูดถึงการแพ้แล้ว โทนสีอ่อนก็น่าจะแพ้ได้น้อยกว่าค่ะ

อย่างไรก็ตาม สารเคมีกลุ่มนี้ ถ้าใช้บ่อยๆ ก็จะทําให้ผมแห้งเสีย เพราะเกล็ดผมถูกทําลาย ดังนั้น การใช้ยาย้อมสีผม จึงควรใช้เท่าที่จําเป็น และไม่ควรถี่ไปกว่า 4-6 สัปดาห์ต่อครั้ง นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยง หันมาใช้ยาย้อมสีผมจากสมุนไพรน่าจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยมากกว่า เช่น Henna ซึ่งไม่ค่อยแพ้ แต่ต้องมั่นใจว่าเป็น Pure Henna เพราะยาย้อมสีผมบางชนิด แม้จะบอกว่าทําจาก Henna แต่เมื่อใช้ย้อมแล้วผมดํา ก็เป็นไปได้ว่าไม่ได้บริสุทธิ์จริงๆ และอาจใส่สาร PPD เพื่อทําให้ย้อมแล้วผมดํา และก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ เนื่องจาก Pure Henna สีจะไม่ดํา แต่จะออกโทนน้ำตาลแดง

หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีอาการเข้าข่ายน่าสงสัย ว่ากําลังแพ้สารเคมีในน้ำยาย้อมผม การไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเส้นผม จะทําให้สามารถ วินิจฉัยโรคได้ถูกต้องและหาทางรักษาได้ถูกทาง เนื่องจากว่าสารเคมีที่ใช้ในยาย้อมมีหลายชนิดมาก เราอาจไม่ได้แพ้สารชนิดนี้อย่างเดียว แต่แพ้สารตัวอื่นที่ใช้ร่วมกัน การทดสอบเพื่อหาสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้จะทําให้สามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างถูกต้องค่ะ

 

เรื่องน่าสนใจ