เกิดเป็นหญิงยากแท้แสนลำบากกัน ต้องคอยดูแลตัวเองให้ดูดีตลอดเวลายิ่งสมัยนี้ โลกโซเชียลกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก และการถ่ายรูปก็เป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่กำลังได้รับความนิยม แต่ไม่ใช่สำหรับ คุณจูนเมื่อครั้งอดีต สาวร่างใหญ่ตัวอ้วน ที่ไม่กล้าถ่ายรูปมาตั้งแต่เด็กๆ ต้องยอมเสียเงินกว่า 5 ล้านบาท บินตรงไปศัลยกรรมเปลรายนตัวเองถึงเกาหลี!!
รูปสมัยตอนเด็กๆเลยคะ เห็นไหมคะ ว่าดำมาก
คุณจูนเล่าว่า สมัยแตกเนื้อสาวใหม่ๆ เป็นคนที่เจ้าเนื้อมาก แต่ก็เพราะอยากสวยเลย พยายามลดน้ำหนัก ทั้งออกกำลังกาย-ควบคุมอาหาร จนได้หุ่นเพรียวสมใจ แต่แล้วเวลาผ่านไป มีครอบครัว ชีวิตก็เปลี่ยน น้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พรวดเดียว 107 กิโล
“ความที่ดิฉันเป็นแม่บ้าน ทำแต่งานและดูแลสามีและลูกอย่างเดียว อย่างว่านะคะ คุณแม่บ้านสมัยนี้ก็น่าจะเข้าใจ หลังจากคลอดหนูน้อย ก็ต้องเอาใจใส่ปรนนิบัติพัดวี สมาชิกในครอบครัวทั้งสองหน่อ ให้อยู่กันอย่างอิ่มหมีพลีมัน แล้วกรรมก็มาตกอยู่กับอิชั้นที่เป็นคุณแม่บ้าน อาหารสารพัดอร่อยทั้งนั้น มีประโยชน์ทั้งนั้น ของคาว ของหวาน ความสุขในบ้านคือการกินๆๆๆๆ ดังนั้น แม่หมูจึงปล่อยตัวเอง อ้วนลอยนวลตาม คุณพ่อหมู และคุณลูกหมูไปค่ะ”
จุดเริ่มต้นของการศัลยกรรม เริ่มจาก ย้อนไปเมื่อสมัยอายุ 18 สิ่งที่คนนิยมทำกันมากที่สุดคือ การทำจมูก คุณจูนเริ่มเข้าสู่วางการ การศัลยกรรมพลาสติก โดยไม่คิดอะไรมาก เพราะโดนพี่สาวชักจูงอยู่บ่อยๆ เลยจูงมือกันทั้งพี่ทั้งน้อง ไปนอนให้หมอทำจมูกให้โด่งเป็นสัน เพื่อความสวย
หลังจากที่ได้จมูกใหม่ก็เหมือนเป็นโชคชะตา ให้รู้จักกับผู้ชายแสนดี สนิทสนมจนกระทั่งได้แต่งานมีลูก ช่วงนี้แหละที่ทำให้ รูปร่างของคุณจูนเปลี่ยนไป เพราะต้องทำหน้าที่เป็นแม่บ้านแม่เรือน
“จากนั้น ดิฉันก็หายไปมีครอบครัว พร้อมกับดั้งวิเศษที่ชักนำพาให้ได้พบกับชายหนุ่มผู้มีหัวใจมุ่งมาดปรารถนาจะรักในสาวตัวแม่ของวงการดอกไม้พลาสติกช่อใหญ่อย่างดิฉัน ชายหนุ่มที่ประกอบอาชีพที่หนุ่มสาวค่อนโลกใฝ่ฝันอยากจะเป็นและอยากจะทำ ฮี เป็น เทวดาอยู่บนฟ้า เป็นเจ้าชายที่คอยบริการทุกท่านให้มีความสุขเมื่ออยู่ในที่สูง และคอยโบกมือส่งเมื่อถึงที่หมาย บางทีก็หาผ้ามาช่วยซับน้ำลายเมื่อคุณหลับ เอาเป็นว่าหลังจากมีครอบครัว มีลูก อีกหลายปีเลยค่ะที่ดิฉันไม่ได้สนใจตัวเอง ไม่ได้ทำอะไรเลย”
แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ดูแลตัวเองเลย ก็ยังมีการทาครีม รักษาผิวให้ขาว ชุ่มชื้นบ้าง พอลูกๆเริ่มโต ก็เริ่มอยากกลับมาสวยอีกครั้ง แม้เวลาจะเปลี่ยน แต่ความคิดยังไม่เคยเปลี่ยน อยากสวย อยากมีใบหน้าเข้ารูป พี่สาวเลยแนะนำให้รู้จัก โบท็อกซ์ เพื่อให้หน้าเข้ารูป และไปแก้จมูกใหม่ โดยงานนี้ พี่สาวก็แนะนำอีกครั้ง ให้รู้จักกับฟิลเลอร์ จากหมอกระเป๋า ตอนแรกก็ออกมาดูดี แต่หลังจากนั้นผลออกมาค่อนข้างแย่ จมูกเริ่มบวมเสียรูป
“ตอนที่ฉีดแรกๆก็ดีค่ะ แต่พอทำไปทำมาชักได้กลิ่นอะไรตุๆแปลกๆ ใช่แล้วค่ะ เกิดเหตุการณ์จมูกเสียรูปขึ้นมาจึงต้องไปทำการแก้จมูกที่เป็นอยู่ นี่และหนากรรมของคนสวย อยากจะสวยแต่ไม่ลงทุน และไม่ได้เฉลียวใจ ไปเจอหมอกระเป๋าที่เราคิดว่าได้มาตรฐาน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ค่ะ เสียมากกว่าเดิมอีก”
รูปถ่ายกับสามี เจ้าชายของแม่หมุคะ
หลังจากได้รับผลจากฟิลเลอร์ของหมอกระเป๋า ก็ไม่คิดย่อท้อ พยายามค้นหาข้อมูลต่างๆ เพื่อหาทางรักษาทำให้จมูกตัวเองกลับมาสวยดังเดิม ข้อหาข้อมูลมากมาย และตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ต่อสายตรงกับโรงพยาบาลศัลยกรรมที่เกาหลี เมื่อมั่นใจแล้วว่า ต้องแก้ที่นี่เลยตีตั๋วเครื่องบิน บินตรงถึงเกาหลีเลยเพื่อแก้จมูกที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากลกับหมอศัลยกรรม
หลังจากที่ไปฉีดฟิลเลอร์มาเสังเกตได้ทรงจมูกเริ่มมีอาการบวมและแดงแล้ว
หลังจากที่ไปฉีดฟิลเลอร์มาเสังเกตได้ทรงจมูกเริ่มมีอาการบวมและแดงแล้ว
โรงพยาบาลที่ไปแก้ที่เกาหลี เป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงและฝีมือของคุณหมอที่ขึ้นชื่อลือชา และโด่งดังเป็นอย่างมาก จึงทำให้สบายใจได้ระดับหนึ่งว่า จมูกไม่เน่าแน่นอน
วิธีการรักษาแก้จมูกของคุณหมอน่าทึ่งมากๆ เพราะใช้วิธีปลูกถ่ายเนื้อเยื่อและกระดูกอ่อนในร่างกายมาเสริมให้จมูกเราได้รูปมากขึ้นค่ะ แทนที่จะใช้ซิลีโคนหรือของที่เป็นสารที่อันตรายต่อร่างกายเรานะคะ ใช้เวลาร่วมวัน ดิฉันก็ออกมาพักฟื้นและได้จมูกที่คืนรูปดูสวยสดงดงามเช่นเดิม แถมไม่ต้องกลัวว่าจะมีหนอนบ่อนไส้มาทำลายอีกมั้ย 3 ปีให้หลังมานี้ จมูกดิชั้นยังหายใจรับออกซิเจนได้ดี เอาจมูกไปถูที่แก้มของคนเรารักได้อย่างปลอดภัย ไม่มีเจ็บ ไม่มีหักทั้งลูกและสามีค่ะ
รูปที่คุณหมอเอาสารซิลิโคนเหลวออกมานะคะ
หลังจากที่ทำจมูกและขูดสารออก เหมือนเฟรนเกน สไตล์เลย
หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าสู่วังวนของการศัลยกรรมอย่างแท้จริง ในเมื่อหย่อนเท้ามาถึงเกาหลีขนาดนี้แล้ว ก็อยากสวยมากกว่านี้อีก เลยลองกลับมามองตัวเองเทียบกับโครงหน้าของบรรดานางเอกเกาหลีทั้งหลาย พร้อมกับหน้าตัวเองที่อยู่ในกระจก
“เอ…ทำไมหน้าฉันกลมยิ่งกว่าหมีแพนด้าอีก ณ เวลานั้น จมูกของดิฉันก็เรียวคมราวพร้อมจะพุ่งแหลนในโอลิมปิกเกมส์ได้ตลอดเวลา แต่ทว่าหน้ายังกลมดิ๊กๆอยู่ แล้วก็อีกนั่นแหละค่ะ “
จากนั้นเลยหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าจะทำอย่างไรให้สวยขึ้นกว่านี้อีก เราทำอะไรมากกว่านี้ได้ไหม? จนได้ไปเจอภาพ ก่อน-หลังศัลยกรรมของคนไข้คนอื่นๆ ก็พบว่า บางคนหน้าบ้านยิ่งกว่าตัวเธออีก แต่ตอนนี้กลายเป็นหน้ารูปไข่สวย ไปเหล่าไอดอลกันทั่วหน้า
“การผ่าตัดทำหน้าให้เป็น Vshape จึงเกิดขึ้นค่ะ การทำครั้งนี้ใช้นวัตกรรมที่เรียกว่า V3 lifting คือการดูดไขมันบนใบหน้าและร้อยไหมกระชับ เพื่อทำให้ใบหน้าที่เคยแก้มอ้วน คางห้อย เหนียงย้อย กลับคืนสู่สภาพเป็นหน้าหญิงสาวราวเจ้าหญิงได้คืนสู่เหย้าหลังจากเป็นธิดาช้างมานาน การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดี ได้หน้าเรียววีเชพถูกใจพี่เป็นอย่างมาก ตามประสาผู้ที่อ้วนและมีใบหน้ากลมยิ่งกว่าพระจันทร์มาตลอดชีวิต”
มาต่อกับการถ่ายรูปคุณหมอทำ v lifting จ้า
ตอนที่เอาไหมออกแล้วนะคะ รูปไม่ได้ถ่ายแอพ หรือกล้องฟรุ้งฟริ้งนะคะ ถ่ายจากไอโฟน และแสงธรรมชาติคะ
หลังจากที่ปรับเปลี่ยนโครงหน้าใหม่ ให้ดูเข้ารูป จมูกโด่งสมใจแล้ว ก็มาถึงการศัลยกรรมลดสัดส่วน หลังจากพาชีวิตตัวเองขึ้นมาที่จุดสูงสุดของชีวิตถึงขีดสุดที่ 107 ก.ก. ก็เริ่มหันมาส่องกระจกอีกครั้งพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองผอมลง อดอาหารทรมานร่างกายประท้วงก็แล้ว เล่นกีฬาตีแบดยิ่งกว่าน้องเมย์ รัชนก ชิงแชมป์โลกก็แล้ว ทานยาลดความอ้วนและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่คิดว่าพี่จะต้องผอมแบบวุ้นเส้นให้ได้ แต่ก็ไม่ผอมลง
จึงต้องพึ่งพาการศัลยกรรมอีกครั้งด้วยการ “ดูดไขมัน” ก็วิ่งปรี่เข้าไปศัลยกรรมกับโรงพยาบาลดังในไทย 2 ครั้ง ผลที่ได้ก็พอใจระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่พอใจทั้งหมด เหมือนมันขาดอะไรไป วันหนึ่งได้ดูรายการศัลยกรรมของเกาหลี Let me in มันกลายเป็นจุดกระตุ้นแรงบรรดาลใจบางอย่าง จึงตัดสินใจ บินไปเกาหลีอีกครั้ง
“ตัวจูนนี่ถึงได้ตรัสรู้ได้อย่างเร็วไวว่าจะรอช้าอยู่ใยถ้าอยากผอมสวยใส สั่งได้อย่างใจ แบบฮันนะซัง จูนจึงบินไปขึ้นเขียงให้คุณหมอทำการดูดไขมันทั้งตัวและผ่าตัดหน้าท้องเย็บแม่ฮิปโปให้ผอมเข้ารูปได้อย่างใจ ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจค่ะ ดีกว่าบ้านเราและได้ผลกว่าเห็นๆ ร่างกายกระชับมากขึ้น ไขมันส่วนเกินต่างๆลดไป และที่สำคัญจูนยังตั้งใจลดอาหารจำพวกแป้ง เนื้อสัตว์ติดมัน หันมาทานอาหารคลีนมากขึ้น ช่วยประคับประคองให้ร่างกายลีนไขมัน ทำน้ำหนักให้เข้าที่ จนปัจจุบันนี้ลดลงมาเหลือเพียง 80 กก.เท่านั้นค่ะ และยังไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นไปสู่จุดสุดยอดอีกครั้ง จูนขอเดินลงมาบนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบและพรหมแดงประหนึ่งนาตาลี พอร์ทแมนตอนรับรางวัลออสก้าร์ดีกว่าค่ะ “
กล้าถ่ายรูปมากขึ้น มั่นใจมากขึ้น อิอิ
เห็นเป็นเจ้าแม่ในเรื่องศัลยกรรม (หรือเปล่า) อย่างที่คุณๆเห็นแบบนี้ใช่ว่า จูน จะไม่มีข้อผิดพลาดที่เกิดจากการศัลยกรรมเกิดขึ้นในชีวิตเลยนะคะ จูนเองก็เคยพลาดมาบ้างเหมือนกัน จากการที่ทำหน้าอกและผ่าตัดกระชับต้นแขนของตัวเอง บอกไว้ก่อนว่าที่ไปทำหน้าอกนี่ไม่ได้อยากจะแข่งกับ เอมมี่ แม็กซิม แต่อย่างใดนะคะ และไม่ได้คิดที่อยากจะมีอัลบั้มลับเฉพาะไว้ปลุกใจเสือป่า หรือ ถ่ายปฏิทินแถมเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ทั้งหลายช่วงปลายปี ขี้เกียจไปคุยกับกระทรวงวัฒนธรรม
แต่ผลจากการทำดูดไขมัน และร่างกายผอมลง และเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งด้วยแล้ว หัวอกคนเป็นแม่ก็ไม่ได้อยากที่ให้ทรวงอกหย่อนคล้อย เมื่ออายุมากแล้วยานเป็นถุงกาแฟแบบนี้นะคะ ซึ่งจริงๆแล้วสามีก็ห้ามเพราะเห็นว่าทำหลายสิ่งหลายอย่างมากไปซะแล้ว ให้เหตุผลที่ออกแนวพระเอกหนังไทยว่า “ผมใจหายทุกครั้งที่เห็นคุณเจ็บได้เลือดจากการผ่าตัดศัลยกรรม” แต่จะทำยังไงได้ล่ะคะ หัวใจถวายให้กับมีดหมอความสวยไปแล้ว
เราเองก็ทำงานที่อยู่ในแวดวงของความสวยความงาม และก็แค่อยากเป็นตัวอย่างให้กับผู้หญิงทั่วๆไปว่า ไม่ใช่ว่าเป็นคุณแม่แล้ว หรือ มีสามีและลูกแล้วต้องปล่อยตัว ไม่ดูแลตัวเอง เรื่องทรวดทรงส่วนอกสำหรับคุณผู้หญิงก็เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเมื่อหาเหตุผลที่เข้าท่าแล้ว คุณสามีก็อนุญาตให้จูนผ่าตัดยกกระชับหน้าอกเพื่อลดการหย่อนคล้อยและยานของนมเรานะคะ
และอีกอย่างคือ ผ่าตัดยกกระชับต้นแขนทั้งสองข้าง ครั้งนี้ทำในโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงเรื่องนี้มากๆฮอตเว่อร์ในประเทศไทย แต่ผลที่ได้ออกมาบอกเลยว่าพี่ไม่โอเคเลยจร้า เป็นการทำศัลยกรรมครั้งที่เสียความรู้สึกที่สุดในชีวิต และไม่เป็นไปตามผลที่ต้องการกับความคาดหวังที่คิด ที่อยากจะให้สัดส่วนกระชับมากขึ้น สิ้นหวังยิ่งกว่าซึมเศร้าเหงาเพราะรัก แต่ก็ยังโชคดีที่ได้สามีอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจ
บอกเลยว่าที่เสียความรู้สึกเพราะผลจากหลังการผ่าตัด แผลเย็บค่ะ แผลไม่สวยอย่างมาก บอกเลยว่าที่ทำศัลยกรรมเพราะอยากให้บุคลิกภาพดีขึ้น และไม่ใช่ให้บุคลิกภาพดูแย่ลง เศร้าเกิ๊น เพราะจูนไหนไฟแรงเฟร่อเป็นคนชอบใส่เสื้อแขนกุดค่ะ แต่ผลที่ได้มาคือวางฐานหน้าอกผิดพลาด ทำให้ทรวงอกไม่เท่ากัน และยังได้แผลเป็น scar มาเป็นของแถม แต่โชคยังเข้าข้างที่ทางโรงพยาบาลยังรับผิดชอบในความเสียหายครั้งนี้และจะผ่าตัดแก้ไขคืนให้ ซึ่งในขณะนี้กำลังรอคิวอยู่ ทำให้จูนใจชื้นและมีความหวังเพิ่มขึ้น อยากฝากให้ทุกคนเป็นกำลังใจเพื่อรูปร่างที่สวยงามของจูนด้วยนะคะ
มาถึงการศัลยกรรมครั้งสุดท้าย ในเมื่อลดความอ้วนแล้ว ทำหน้าเรียวแล้วนวัตกรรมดีๆอะไรต่างๆก็ได้ลองมาหมดแล้ว และที่สำคัญอายุตัวเองก็เริ่มมากพอแล้ว ริ้วรอยด่างดำบางครั้งก็ยากที่จะลบเลือน หน้าที่เคยกลมก็เริ่มเรียวรีขึ้นมาแต่ทว่า โหนกแก้มนั้นยังไม่ยุบเท่าที่ควร จะทำยังไงต่อไปดีล่ะคะจึงตัดสินใจ “ทุบโหนก” ตัวเองทิ้ง
โดยการไปครั้งนี้ เราได้คุณหมอจากโรงพยาบาลอันดับ 1 ในเกาหลี ที่มีชื่อเสียงและมีฝีมือมากๆ ช่วยทำการศัลยกรรมค่ะ บอกไว้ก่อนว่าการทำ lifting ช่วยให้ผิวยกกระชับและลบเลือนริ้วรอยได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ สำหรับผู้ที่เริ่มมีอายุมากขึ้น เรื่องการดูแลผิวและความหย่อนคล้อยเริ่มมีมากขึ้น อาจจะไม่เต่งตึงเรียบเนียนเหมือนแต่ก่อนตอนสาวๆ
คุณหมออธิบายว่า เราจะทำการผ่าตัดตรงไหนบ้างนะคะ
ถ่ายด้านข้างมีโหนกแก้มโผล่เบาๆ อิอิ
หลังผ่าตัด รูปพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 คืนคะ
ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 วัน เพื่อเป็นการ check up ความปลอดภัย และนำสายเดรนเลือดที่ตกค้างให้ออก เพื่อที่จะได้ลดการคลั่งของเลือด
ฝากถึงสาวๆทุกคนนะคะ คุณเองก็เป็นแบบจูนได้ค่ะ ขอเพียงแค่มีความเชื่อต่อสิ่งที่คุณจะทำต่อไป จูนเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนอยากจะสวย แต่คงไม่ต้องถึงขนาดไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ อันนี้จูนไม่สนับสนุนนะคะ แต่ถ้าผู้ใดมีความพร้อมในด้านต่างๆ เหลือเฟือในเรื่องเผื่อแผ่ให้ผู้อี่นได้บ้าง แบ่งเบาได้ผู้อื่นได้บ้างแล้ว อย่าลืมตอบสนองความต้องการของตัวเองบ้างนะคะ อย่าลืมว่าความฝันของเรามีค่าเหมือนกัน ที่จะต้องการทำฝันของเราให้เป็นจริง อย่าทิ้งฝันไว้ให้ไกลห่างตัว
ถ้าคุณอยากสวย คุณต้องทำให้เต็มที่ ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวตายครั้งเดียว ไม่รู้ชาติหน้าจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์หรือเปล่า เพราะฉะนั้น เกิดครั้งเดียวก็เจ็บครั้งเดียว เจ็บแต่จบ สวยครบเครื่อง