สจล. ผุดนวัตกรรม “สระว่ายน้ำโอโซน” บอกลา “คลอรีน”ตัวการทำผิวเสีย-สุขภาพพัง ย้ำภาพ “Dream Campus”ที่ทันสมัยและน่าอยู่ที่สุดในประเทศ
อากาศร้อนในเดือน เม.ย. แบบนี้ เชื่อว่าหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยม ที่หลายคนมักจะนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ ก็คือ “การว่ายน้ำ” เพราะนอกจากช่วยดับร้อนได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังถือเป็นการออกกำลังกายลดความอ้วนไปในตัว แต่กิจกรรมที่ดูสนุกสนานและใครๆ ก็ทำได้นั้น ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน เนื่องจากสระว่ายน้ำทั่วไปในประเทศไทย ยังคงใช้สารคลอรีนในการบำบัดน้ำ ซึ่งสารชนิดนี้นี่เองที่กลายเป็นตัวการสำคัญ ในการก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำลายเนื้อเยื่อสายตา ทำให้ฟันผุกร่อน และมีสารตกค้างซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง !
ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพนี่เอง ทำให้ รศ.ดร.ศิริวัฒน์ โพธิเวชกุล และ ผศ.ดร.นรเศรษฐ พัฒนเดช อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมกับนักศึกษา พัฒนา “นวัตกรรมระบบเครื่องกำเนิดโอโซนเพื่อการบำบัดน้ำ” ขึ้น และได้ทำการติดตั้งทดสอบระบบการทำงานที่ เก็บข้อมูล และวิเคราะห์ผล ที่สระว่ายน้ำสมเด็จพระเทพฯ ขนาดสระ 1,500 ลูกบาศก์เมตร ภายในมหาวิทยาลัย นวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นใหม่และเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการผลิตก๊าซโอโซนระดับสูง แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน ขนาด 200 g o3/hr. โดยใช้เทคโนโลยีสนามไฟฟ้าแรงดันไฟฟ้าสูง ความถี่สูง เพื่อให้เกิดกระบวนการแตกตัว ด้วยขบวนการโคโรน่าดีสชาร์จของออกซิเจนในอากาศ แล้วรวมตัวใหม่เป็นก๊าซโอโซน โดยมีการควบคุมการทำงาน การผสม และการควบคุมคุณภาพน้ำแบบอัตโนมัติ ซึ่งผลจากการเดินเครื่องทดสอบพบว่ามีคุณภาพและผลวิเคราะห์เชื่อถือได้ สามารถนำไปเป็นต้นแบบผลิตในเชิงพาณิชย์ได้
หลักการและเหตุผลในการพัฒนานวัตกรรมชิ้นนี้ว่า เนื่องจากต้องการนำความรู้เชิงวิชาการขยายไปสู่ การสร้างความปลอดภัยและยกคุณภาพชีวิตของคนไทย ซึ่งการใช้เทคโนโลยีก๊าซโอโซนเพื่อการบำบัดในสระว่ายน้ำ นับเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีทางเลือกที่ถูกนำมาใช้ทดแทนคลอรีน เพื่อลดปัญหาพิษคลอรีนต่อสุขภาพของผู้ว่ายน้ำออกกำลังกาย โดยที่ผ่านมาได้มีการส่งเสริมอย่างจริงจังในการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำระดับโอลิมปิก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยก็ได้มีการศึกษาผลกระทบ การใช้คลอรีนบำบัดน้ำสระว่ายน้ำและพบว่าส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง ทำให้กรุงเทพมหานครออกข้อบังคับว่าด้วย “หลักเกณฑ์การประกอบการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทการจัดตั้งสระว่ายน้ำ พ.ศ. 2530 กำหนดให้สระว่ายน้ำมีความเป็นกรดด่างอยู่ที่ 7.2 – 8.4 โดยต้องควบคุมให้อยู่ในระดับนี้ทุกวัน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ แต่ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยากที่จะควบคุมสภาพความเป็นกรดด่างของน้ำให้อยู่ในระดับ 7.0 – 8.5 จึงก่อให้ปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็น สร้างความระคายเคืองต่อผิวหนัง และอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะดวงตาเพราะทำลายเนื้อเยื่อสายตา การผุกกร่อนของฝัน โดยผลการวิจัยของกองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย พบว่า นักกีฬาว่ายน้ำมีสภาพฝันผุกร่อน มากกว่าผู้ว่ายน้ำออกกำลังกาย ประมาณ 4.68 เท่า ขณะที่เด็กอายุ 5-6 ปี มีโอกาสทำให้ฝันแท้ที่กำลังเกิดใหม่มีภาวะสึกกร่อน รวมทั้งมีการวางเรียงตัวที่ผิดปกติผิดรูปร่างด้วย
การใช้โอโซนบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำแทนคลอรีน ช่วยให้น้ำที่ผ่านการบวนการบำบัดมีคุณภาพสูงและมีข้อดี มากมาย
1. ไม่ทำให้ระคายเคืองตา แสบตา หรือทำให้ตาแดง แม้จะมีความเข้มข้นของโอโซนในน้ำสูงก็ตาม
2. ฆ่าเชือโรคได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เร็วกว่าคลอรีน 3,125 เท่า
3. สลายพิษจากปฏิกิริยาของคลอรีน ได้แก่ Chloramine ซึ่งมีกลิ่นไม่ค่อยดีและทำให้ระคายเคือง ต่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย และ Chloro-organic compounds หรือ Trihalomethanes (THMs) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง (carcinogenic) ได้
4. ออกซิไดส์สารอินทรีย์ เช่น เสมหะ ปัสสาวะ ขี้ไคล และสารอนินทรีย์ เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ เหล็ก แมงกานีส พบได้โดยทั่วไปในสระว่ายน้ำ ทำให้ตกตะกอนและน้ำดูใสขึ้นเมื่อผ่านระบบกรองและช่วยปรับสมดุล
5. ไม่ทำให้ความเป็นกรด-เบสของน้ำเปลี่ยนแปลง ซึ่งต่างจากการใช้คลอรีนที่จะทาให้ค่า PH เปลี่ยน ต้องเติมสารช่วยปรับค่า PH อยู่เรื่อยๆ
6. ก๊าซโอโซนผลิตได้จากก๊าซออกซิเจนซึ่งมีอยู่ในอากาศตามธรรมชาติ จึงไม่ต้องจัดหาสารเคมีหรือสารตั้งต้นอื่นมาเติม ทำให้สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้งานเป็นอย่างมาก
7. ยืดเวลาในการล้างไส้กรองของระบบกรองน้ำของสระว่ายน้ำ เพราะโอโซนจะไม่ทิ้งสารเคมีตกค้างในน้ำ เมื่อโอโซนทำปฏิกิริยาทำลายผนังเซลล์ของเชื้อโรคและสิ่งต่างๆ ในน้ำแล้วก็จะสลายตัวเป็นออกซิเจน จึงช่วยลดภาระการทางานของระบบกรองลงได้
8. ได้ออกซิเจนในน้ำเพิ่มขึ้นจากการสลายตัวของโอโซน ช่วยให้ผู้ออกกำลังกายมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น
รศ.ดร.ศิริวัฒน์ เชื่อว่าอนาคตจะมีการสนับสนุนให้เลิกใช้คลอรีนในสระว่ายน้ำที่สร้างใหม่ และให้ใช้เทคโนโลยีทดแทนอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของประชาชน ส่วนสระว่ายน้ำเดิมในประเทศไทยที่มีอยู่มากกว่า 1,000 แห่ง ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนกระบวนการบำบัดน้ำ ซึ่งการใช้ก๊าซโอโซนนับเป็นทางเลือกที่ได้รับการสนับสนุน คาดการณ์ว่าจะต้องมีการผลิตและติดตั้ง มีมูลค่าโดยรวมมากกว่า 5,000 ล้านบาท ดังนั้น ประเทศไทยควรส่งเสริมและสนับสนุนนวัตกรรมที่คิดค้นโดยนักวิจัยภายในประเทศ เพื่อทดแทนการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าปีละ 1,000 ล้านบาท และลดการนำเข้าและใช้สารเคมีคลอรีนไม่ต่ำกว่าปีละ 400 ล้านบาท อีกทั้งยังสามารถต่อยอดพัฒนาไปใช้กับระบบบาบัดน้ำเสียในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมฟอกย้อมเพื่อทดแทนการใช้สารเคมีมากกว่า 1,000 แห่ง และอื่นๆ อีกหลากหลาย
เรียกได้ว่านวัตกรรมบำบัดน้ำด้วยระบบโอโซนชิ้นนี้ เป็นประโยชน์ต่อคนไทยอย่างมากมาย การันตีคุณภาพด้วยเหล่าฉลามหนุ่มจากชมรมว่ายน้ำ KMITL ที่พากันฝึกซ้อมว่ายน้ำท่าทางต่างๆ ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวพิษจากสารคลอรีน สังเกตได้จากรูปร่างและหุ่นที่แสนจะฟิตแอนด์เฟิร์ม จะว่าไป สจล. ก็ถือเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยของไทย ที่มีทุกอย่างครบครันแถมบรรยกาศยังดูน่าเรียนอีกด้วยนะเนี๊ยะ
นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8111 หรือเข้าไปที่ www.kmitl.ac.th