นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยทุกคน ขณะนี้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการข้าราชการ และประกันสังคมอยู่ที่ประมาณ 3 แสนล้านบาทต่อปี
โดยจะมากขึ้นเมื่อก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ กระทรวงสาธารณสุขได้ปฏิรูประบบบริการ เร่งรัดดำเนินการ มี 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ โดยจัดตั้งคลินิกหมอครอบครัว ( PCC ) ดูแลบริการพื้นฐาน เชิงรุก บริการทุกคนทุกอย่าง 2.แผนพัฒนาระบบบริการ ( Service plan) บริหารจัดการ ในรูปแบบเขตสุขภาพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่ได้มาตรฐาน
โดยแบ่งเป็น 13 เขตสุขภาพ มีความเหมาะสมด้านพื้นที่ จํานวนประชากรประมาณ 3.5-6 ล้านคน มีสถานบริการทุกระดับในเขตสุขภาพ ตั้งแต่ศูนย์ความเชี่ยวชาญจนถึงระดับปฐมภูมิ มีการใช้ทรัพยากรร่วมกันทั้ง เงิน คน สถานที่ ลดการลงทุนทั้งอาคารและเครื่องมือแพทย์ที่ซ้ำซ้อน จัดบริการแบบไร้รอยต่อ ลดระยะเวลารอคอยและบริการในมาตรฐานเดียวกัน 3. พัฒนาระบบการฉุกเฉิน ที่เป็นธรรมกับประชาชนทุกคน
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลเพียงพอในการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้แก่สถานบริการในสังกัดตามความเหมาะสม และจำเป็นของสถานบริการแต่ละระดับ โดยเฉพาะเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นหรือเป็นมาตรฐานในการช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยทุกสถานบริการมีพร้อม กรณีจำเป็นต้องใช้เครื่องมือแพทย์ที่ซับซ้อนเกินศักยภาพของสถานบริการ มีระบบส่งต่อที่ไม่กระทบกับประชาชน ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาระบบบริการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนผู้มารับบริการ โดยปีงบประมาณ 2560 กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดสรรงบลงทุนครุภัณฑ์การแพทย์ จำนวน 2,702,568,000 บาท
“อย่างไรก็ตาม การที่จะได้มาซึ่งเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย ตอบสนองเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนั้น ต้องมีระยะเวลาในการดำเนินการจัดหา ซึ่งในบางพื้นที่ประชาชนได้เข้ามาสนับสนุนการจัดหาเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาล เรื่องการบริจาคเป็นน้ำใจคนไทยที่ชอบทำบุญ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เสริมงบของรัฐบาลที่ต้องเป็นหลัก ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะความสมัครใจมิได้บังคับ เพราะมีจิตกุศล ศรัทธาและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และคนไทยด้วยกันเอง
การรณรงค์บริจาคเพื่อสร้างสิ่งดีดีให้เกิดขึ้น ควรได้รับการสนับสนุนและความชื่นชมจากคนในสังคม ไม่ใช่การท้วงติงเพื่อหาประเด็นเพ่งโทษรัฐหรือผู้ใดผู้หนึ่ง เพราะประชาชนคือผู้ได้รับประโยชน์จากการบริจาค ” นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าว