เนื้อหาบางส่วนโดย Dodeden.com
เป็นกระทู้เลอค่าอีกแล้วล่ะค่ะ เมื่อสมาชิกเว็บไซต์พันทิป หมายเลข 1174671 ออกมาตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์การทำศัลยกรรมของตัวเธอเอง โดยเธอบินไปทำศัลยกรรมไกลถึงประเทศเกาหลี และเรียกได้ว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่เธอทำใหม่เกือบทั้งหน้าเลยทีเดียว เรื่องเล่าของเธอจะเป็นอย่างไรแล้วเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน มาชมเรื่องราวของเธอกันดีกว่าค่ะ ซึ่งเธอตั้งกระทู้เล่าว่า
” กระทู้นี้เราก็ตั้งใจมาแบ่งปันประสบการณ์จริงของเราที่ได้มีโอกาสแบบไม่ได้ตั้งใจเท่าไหร่ในการไปศัลยกรรมที่เกาหลีในครั้งนี้ เริ่มด้วย แนะนำตัวก่อนนะค่ะ เราเองชื่อกิ๊กค่ะ คือตั้งแต่เด็กๆมาก็มีปมค่ะ ด้วยใบหน้าของเราที่กลมมาก ทั้งโหนกทั้งแก้มมาเต็ม โดนพี่ๆ เพื่อนๆ ล้อตล๊อดดด ว่า ยัยซาลาเปา แหม๋มันช่างจี้ดด ตั้งแต่นั้นมาก็พยายามศึกษา ทุกวิถึทางค่ะ ที่จะทำให้หน้าชั้นเล็กเรียวให้ได้ ทั้งครีมหน้าเรียว ลูกกลิ้งหน้าสารพัด (สมัยนั้นยังไม่มีโบท็อก เมโสแฟต ร้อยไหมไม่งั้นก็คงโดนตั้งแต่มัธยมไปละค่ะ)
จนถึงขั้นหนักนั่งเอามือกดหน้าตัวเองทุกวัน บางทีเอาหน้าทาบกดกับกำแพง อีก โอ๊ย -+ ชั้นทำไปได้ พอหม่อมแม่เห็น ถามทำอะไรลูก ไอ้เราก็ เอ่อ … อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อ๋อ….. ดูจิ้งจกค่ะแม่ !!! อายไหมนั่น กลายเป็นเรื่องฮาแตกในหมู่วงศาขนาญาติ กันเลยทีเดียว จากนั้นพอขึ้นม.ปลาย ก็ไปขอหม่อมแม่ดัดฟันค่า ทั้งๆที่ฟันก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่ด้วยความที่มีคนบอกต่อๆกันมาว่าดัดฟันจะทำให้หน้าเรียวขึ้น งั้นก็ต้องจัดสิค่ะ รออะไร ต้องขจัดปม หม่อมแม่ก็ไม่กล้าขัดค่ะ เพราะไม่อยากให้ลูกเอาหน้าทาบกำแพงดูจิ้งจกอีก ><
ช่วงเข้ามหาลัยก็ดัดฟันละค่ะ แต่เบ้าหน้าก็คงยังบานอยู่
ต่อมาก็เริ่มมีเพื่อนไปทำจมูกกัน แล้ว เห้ย -++ หน้าเปลี่ยนไปมาก สวยขึ้นแถมหน้าเรียวขึ้นด้วย จากนั้นตัวเองก็เริ่มหางานบ้าง เนื่องจากช่วงนั้นเรียนมหาลัย งบก็ยังไม่ค่อยมี แต่ก็เห็นมีคลินิคที่หนึงราคาถูกมาก คนทำเยอะมาก แล้วก็มีรีวิวคนทำแล้วสวยเยอะแหะ ราคาก็แค่ 6,000 ก็จัดสิค่ะ หางานงัดดั้งตัวเองครั้งแรกค่ะ ผลออกมา … นี่สันดั้งหรือ สันเขื่อนกั้นน้ำค่ะ!! โด่งตั้งแต่หัวคิ้วมาเลยเจ้าค่า เพราะด้วยความเป็นคนมีดั้งอยู่แล้วและ สันจมูกกว้าง พอครบ 7 วันพยายามทำใจเดี๋ยวมันก็คงยุบและสวยขึ้น เลยวัดใจไปเผชิญหน้าแฟน (แอบแฟนทำค่ะ) พอไปถึง แฟนเห็นหน้าเราเท่านั้นแระ ถามเรานี่ไปทำอะไรเนี๊ย หน้าแปลกยังกับกระเทย ไม่อยากเห็นหน้า กลับบ้านไปเหอะป่ะ แล้วปิดประตูห้องใส่
โอ้โห้ !!!ตะเตือนใจมากกพอหม่อมแม่เห็นเข้า ก็ทนไม่ได้ค่ะ เห็นลูกจิตตกร้องไห้ พอวันรุ่งขึ้นหม่อมแม่ขับรถพาไปงัดดั้งออกเลยค่ะ จากนั้นก็เข็ด พักหางานค่ะ จนสักพัก ก็จัดการหางานให้ตัวเองอีกรอบ เป็นการทำจมูกรอบที่ 2 คราวนี้ศึกษาข้อมูลมากกว่าเดิม มีคุณหมอแถวๆฟอจูน เพื่อนทำมาสวยมาก ไม่โด่งเว่อร์ จากนั้นเราก็จัดตามเคยค่ะ ไม่เข็ด ผลที่ออกมาก็คือ ยังโด่งและใหญ่เป็นสันอยู่ เศร้าค่ะ
รูปนี้ ทำจมูกรอบ2 ก็ยังไม่ค่อยพอในจมูกเท่าไหร่ค่ะ หน้าพอถ่ายกล้องออกมาก็เห็นชัดเจนคะ
จากนั้นก็อยู่กับจมูกนี้มา 6 ปีค่ะ หน้าก็มีการฉีดโบท็อก เมโสแฟตสลายไขมันแก้มเหนียง ฟิลเลอร์คาง และก็ร้อยไหม หางานมาเรื่อยๆ และก็อยู่กับสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า Appication เรื่อยมา อยากจะหน้าเรียวเบอร์ไหน ก็จัดการบีบด้วยแอพเอาค่ะ เอาให้เนียนๆไม่ต้องบ้านเบี้ยวเป็นโอเค ต่อมาก็เป็นจุดพีคที่เกิดขึ้นกับน้องสาว ซึ่งน้องสาวเป็นคนชอบหางานพอๆกันค่ะ แก้จมูกมา 6 รอบ ซึ่งรอบล่าสุดก่อนไปเกาหลีเกิดความผิดพลาดจมูกติดเชื้อ เนื้อปลายจมูกตรงที่ซิลิโคนทะลุเน่าตายกลายเป็นปลายจมูกดำๆและแหว่งไปเลย สงสารน้องมากๆเพราะรอบนี้ทำแพงสุด คิดว่าจะออกมาดีที่สุด น้องนอนร้องไห้ จิตตก อยากฆ่าตัวตาย เพราะออกไปไหนไม่ได้ และต้องอยู่แต่บ้านเป็นเวลาเกือบปีเพื่อรักษาเนื้อเยื่อจมูกให้กลับเป็นเหมือนเดิมถึงจะเสริมใหม่ได้
แล้วพอนางเริ่มหายดีก็เดินหน้าหางานต่อ ด้วยการแอบไปปรึกษาหมอที่บินมาให้คำปรึกษาที่ไทยจากรพ.ชื่อดังที่เกาหลี เพราะคิดว่ายอมเสียรอบเดียวจบดีกว่า เข็ดแล้วกับหมอไทย แล้วนางก็ได้ไปมัดจำจองคิวเสร็จสรรพ มาบอกเราก็ตอนกลับมาจากปรึกษาหมอแล้ว ก่อนหน้านั้นจริงๆ เรา 2 คนก็มีการศึกษาข้อมูลมาพอสมควรเรื่องไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี แต่ไม่คิดว่าจะได้ไปเร็วขนาดนี้ ไหนๆน้องก็จองมัดจำไปแระ ยังไงก็ต้องไป เราก็ต้องไปเฝ้าอยู่ดี เอาไงดีละ น้องทำมาต้องสวยขึ้นแน่ๆ เราก็ต้องหางานไปทำทีหลัง แล้วใครจะเฝ้าเราล่ะ ไหนๆก็ต้องไปเป็นเพื่อนน้องละ เราก็ปรึกษาไปด้วยเลยละกัน เพราะยังไงเราก็อยากแก้จมูกที่ดูใหญ่เป็นสัน ให้ดูชอฟลงหน้าจะได้หวานขึ้น (ต้นเหตุการหางานคือมีครั้งหนึงผู้ชายมาจีบแล้วถามว่าเป็นกะเทยหรือเปล่าครับ) จบค่ะ หางานให้ไว อีกทั้งก็ไม่อยากอยู่กับ appication บีบรูปมันทั้งวันละ จากนั้นเรา 2 คนก็แพคกระเป๋า โกทูโคเรียย
อันนี้คือรูปหน้าจริงก่อนบินไปเลยค่ะ ไม่แต่งหน้าเพราะทางรพ. ให้ถ่ายหน้าสดส่งไปปรึกษาคุณหมอก่อน ได้ จะสังเกตุได้ชัดเลยว่าโครงหน้าไม่เท่ากัน คางฉีดฟิลเลอร์มา 2 ซีซีก็ไม่สมูทกับกรอบหน้า แก้มห้อย โหนกชัด จมูกดูแข็งทื่อ
++ วันแรกมาถึงเกาหลี ก็เช็คอินเข้าพักโรงแรมติดกับรพ.เลยค่ะ แล้วก็ไปที่รพ.ชื่อดัง เราจะได้พบหมอจากรายการ let me in แล้ว โอ๊ย ++ ตื่นเต้นมาก ๆ ค่ะ แต่ก่อนจะได้เจอหมอในฝันตัวเป็นๆ เราก็จะต้องไปกรอกประวัติ แล้วเค้าก็จะมีเกมส์เป็นรูปดาราเกาหลีให้เราเลือกว่าชอบหน้าแบบไหนมากกว่ากัน เลือกๆไปจนได้อันดับ 1ที่เราชอบที่สุด ขอแบบนี้เลยนะค่ะ 555 และก็ไปตรวจร่างกาย โดนเจาะเลือด ถ่ายรูป แล้วก็เข้าเครื่อง CT SCAN เครื่องนี้จะสแกนทุกอย่างที่อยู่ในหน้าเราออกมาเลยค่ะ อะเมซซิ่งมาก เริ่มอุ่นใจ เค้ามีการตรวจเช็คร่างกายเราละเอียดยิบบบมากจริงๆค่ะ ที่ไทยนี่เทียบไม่ได้เลย
ท่าสะพานโค้งเข้าเครื่องสแกนค่ะ
หลังจากนั้นก็ได้เจอหมอละค่า แต่ก่อนเจอคุณหมอเราก็จะได้เจอกับคอนซัล สวยสะกด หยาดเยิ้มมากค่ะ คุยไปเคลิ้มไป คอนซัลก็อธิบายต้องทำอะไรบ้างๆ ต่อมาก็เจอคุณหมอค่ะน่ารักมากๆ ถึงจะให้เรารอนานไปหน่อยก็เถอะค่ะ อธิบายกระดูกโครงหน้าเราแบบละเอียด ไม่น่าเชื่อว่ากรามเราจะใหญ่ขนาดนี้เลยหรอเนี๊ย
จากนั้นก็สรุปว่า เราต้องทำ
1.ตัดโหนก ให้หน้าดูซอฟและเด็กลงค่ะ จะไม่ต้องใช้แอพบีบแกอีกแล้วว
2.วีไลน์ คือตัดกรามกับตัดกระดูกคางให้ยื่นออกมาให้ยาวแล้วยึดด้วยน็อตค่ะ อะหื้อ เทคนิคล้ำมาก ไม่ต้องกลัวจะมีปัญหา ซิลิโคนหมดอายุ ฟิลเลอร์สลายแล้ว อยู่ได้ตลอดชีวิตเพราะเป็นกระดูกเราจริงๆ อะเมซซิ่งงงง หมอจะทำการเอาฟิลเลอร์เก่าออกให้ด้วยค่ะ ดรี๊ดรี
3. แก้จมูกทำทรงบาบี้ลายแบบ open เหลาจมูกให้เรียวเล็ก จัดกระดูกจมูก ใช้กระดูกอ่อนในจมูกและใช้กระดูกหลังหูเสริมให้ปลายเชิ่ดๆ อะโหววว แค่หมออธิบายก็อึ้งค่ะ เทคนิคเยอะมากก ทรงนี้ไม่เน้นดั้งสันกำแพง ขอปลายเชิ่ดๆพอค่ะ เพราะด้วยจมูกเราจะเป็นฮัมตรงกลาง แก้ที่ไทยมาหมอก็ทำปลายยกให้ไม่ได้ค่ะ แต่คุณหมอที่นี่มั่นใจมากว่าทำให้ได้แน่นอน งั้นต้องมาดูฝีมือหมอที่นี่กันค่ะ
4.เติมไขมันให้หน้าดูละมุน ดูเด้งเนียนๆขึ้นค่ะ เบ็ดเสร็จก็ลงไปจ่ายเงินที่การเงิน สบายตัวกันไปค่ะ หวิวววววเลยค่ะตอนออกมา เงินเป็นเงินเก็บของเรากับน้องเองค่ะรอบนี้เพราะหาเงินเองได้แล้ว ก็มาใช้ในการโมหน้าก้อนแรกกันเลย แอบเสียดายแต่ก็ได้ประสบการณ์ชีวิตค่ะ
— พอเสร็จแล้วก็ออกไปปฎิบัติภารกิจซัดแหลกค่ะ เพราะหลังจากทำโครงหน้าจะทานอะไรไม่ค่อยได้ เดินเล่นแถวๆโรงแรม คือ สตั๊นนนกับผู้หญิงเกาหลีที่นี่เค้าแบบไม่ต้องแต่งหน้าเยอะ แต่ดูฉ่ำวาว สวยเลอค่า จมูกนิด ตาโตแบ๊ว หน้าเรียวเต่งตึง ละมุนละไมอะไรเบอนั้น นี่คือ อินสปายเรชั่นเลย ที่ไม่ต้องโบกหน้า 1 -2 ชม แบบเมื่อก่อนก็ออกจากบ้านได้ แบบใส ๆ —
++ วันที่ 2 ก็ถึงวันผ่าตัดละค่ะ ในใจแบบตุ่ม ๆ ต่อม ๆ ตื่นเต้นมาก ๆ ค่ะ ต้องงดน้ำอาหารทุกชนิดก่อนผ่าตัด 8 ชม เอ้าสู้ค่า มาถึงรพ.8โมงเช้าก็เปลี่ยนเสื้อผ้าคลีนหน้าทุกอย่างและต้องรอพบหมอที่จะทำในแต่ละส่วน ๆ ให้เราค่ะ หมอโครงหน้าก็หมอคนหนึง หมอจมูกก็คนหนึง หมอจะมาดีไซด์โครงหน้าเราก่อนเข้าห้องผ่านะค่ะ กว่าจะดีไซด์เสร็จปาไปเกือบบ่ายค่ะ
คุณหมอน่ารักค่ะ เป็นคุณหมอทำจมูกให้เรานะคะ ยิ้มแย้ม ทำให้คลายความกลัวไปได้เยอะค่ะ
จากนั้นก็ถึงเวลาขึ้นเขียงค่ะ พยาบาลก็พาเราไปที่ห้องผ่าตัด แล้วก็เข้าเครื่องฆ่าเชื้อโรค จากนั้นก็ให้เรานอนบนเตียงค่ะ มีเครื่องมือสายอะไรเยอะแยะไปหมด พยาบาลมารุม 5-6 คน จากนั้นก็เจาะแขนเราค่ะ แล้วพยาบาลก็บอกว่าจะฉีดยานอนหลับนะค่ะ ยังไม่ทันได้ตอบค่ะ ก็หลับไม่รู้เรื่องละค่ะ ระหว่างที่อยู่ในห้องผ่าเหมือนฝันว่าได้ยินเสียงเพลงเกาหลีค่ะ แล้วเราก็อยู่ในทุ่งดอกไม้สวันนาอันสวยงาม จากนั้นก็มีคนมาเรียกค่ะ อุ้ยย ++ เสร็จแล้วเหรอ กำลังเคลิ้มค่ะ ช่วงนี้ก็จะมึนๆ งงค่ะ หลังจากนั้นพยาบาลก็พาเราลงมาห้องพักฟื้น เจอน้องนอนอยู่แล้วค่ะ เราใช้เวลาประมาณ 6 ชม. จะสาบานว่าไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยค่ะ แต่คอแห้งหิวน้ำสุด ๆ กับเหมือนมีเสลดในคออยากจะขากกออกมาตลอด แต่พยาบาลบอกว่าห้ามขากกนะค่ะ เดี๋ยวสุขถาพไม่ดีค่ะ
แต๊นนนนนน แต๋นนน แล้วก็ถึงเวลาเปิดเผยโฉมค่ะ มีสติหยิบมือถือมาถ่ายให้ไว
อะหื้อ สถาพยังกะโดนสิบล้อทับ แต่ไม่เจ็บเลยค่ะ เอามือถือมาเล่นๆ เพราะเค้าห้ามเรานอน 6 ชม. ช่วงนี้แระค่ะ ทนไม่ได้เผลอแอบหลับตลอด ที่ไม่ให้หลับเพราะกลัวเราอาเจียนค่ะ เพราะมีก๊าซยาสลบอยู่ ต้องหายใจเข้า-ออกลึกๆเพื่อคลายก๊าซออกมา แต่หลังจาก 5 ชม.เราได้กินน้ำเหมือนขึ้นสวรรค์ค่ะ จากนั้นก็ได้นอนแล้วววว ดีใจสุดๆค่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้นค่ะ ออกจากรพ.วันแรก
ไม่ค่อยบวมค่ะ แต่หลังจากนี้ เราต้องทานแต่โจ๊ก อาหารอ่อนๆ นิ่มที่สุด ไข่ เต้าหู้ น้ำผลไม้ เคี้ยวแทบไม่ได้ อยากจะซื้อเครื่องปั่น มาปั่นๆ ทุกอย่างแล้วกรอกเข้าปากก็คงดี เพราะเราไปกันเอง ไม่มีคนดูแล ลำบากมากๆค่ะ อากาศก็หนาว ไม่รู้จะไปหาซื้อโจ๊กอะไรยังไง เดินไปหาร้านทานข้าวก็สั่งมั่วๆ ไม่รู้กินได้ไม่ได้ วัดดวง สรุปสั่งมากินแทบไม่ได้เลยค่ะ เสียดายเงินมากๆ มื้อละ พัน สองพัน กินได้ 4-5 คำ
นอนรัดผ้าและประคบเย็นไปค่ะ 4 วันแรก ผ้าต้องรัดไว้ ทุกๆ ชม. 1 อาทิตย์คะ
จากนั้น 1 อาทิตย์ก็ได้ถอดเฝือก ถอดผ้าละค่ะ
รูปนี้ 10 วันกลับมาบ้านแร้ววว แม่จำหน้าไม่ได้ บอกไม่คุ้นหน้าลูกตัวเอง55
ยังบวมอยู่นะค่ะ แต่ชอบจมูกมากค่ะ ทรงแบบนี้เลยที่อยากได้ หน้าเริ่มละมุน
อัพเดท 1 เดือนค่ะ
เปรียบเทียบค่ะ ก่อนและหลัง
อัพเดทสอบถามเกี่ยวกับการศัลยกรรมต่างๆ ก็สามารถเข้ามาเป็นเพื่อนกันได้นะค่ะที่
FB : Gigssy intarasompod
IG : Gookgigs