นำเสนอข่าวโดย โดดเด่นดอทคอม
ภาพ เฟสบุ๊ค เพื่อนเฮี้ยน..โรงเรียนหลอน
เดินทางมาถึงโค้งสุดท้าย กับเรื่องสุดท้าย ของซีรีส์ “เพื่อนเฮี้ยน..โรงเรียนหลอน” ค่าย จีทีเอช ซีรี่ส์ที่หลายคนติดอกติดใจ นั่งเฝ้าจอรอชมเรื่องราวลี้ลับ สยองขวัญ กันเป็นประจำทุกค่ำคืนวันเสาร์
ผู้สื่อข่าว เว็บไซต์ โดดเด่นดอทคอม ( www.dodeden.com ) ไม่พลาดที่จะสปอยแบบย่อๆ ซึ่งเรื่องสุดท้ายนี้จะออนแอร์ เสาร์นี้ (7 ก.พ.)
โดยผู้กํากับมือรางวัล อนุชา บุญยวรรธนะ ส่งเรื่องหลอน มามอบให้เป็นของขวัญก่อนจากลา กับตอน คืนสีน้ำเงิน พร้อมส่งนักแสดงไฟแรง โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ จากฮอร์โมน วัยว้าวุ่น มารับบทภูมิ และนักแสดงน้องใหม่ กัน-อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์ มารับบทตั้ม
กับเรื่องราวลึกลับที่ต้องช่วยกันไขปริศนา โดยเป็นเรื่องราว ชีวิตวัยรุ่นของ ตั้ม เต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียนหรือที่บ้าน ความสุขเดียวของตั้มกําลังจะเกิดขึ้น
เพราะตั้มจะได้เจอกับ ภูมิ เพื่อนชายทางอินเทอร์เน็ต ทั้งสองคนนัดเจอกันที่สระว่ายน้ำร้างหลังโรงเรียน ภูมิเล่าให้ตั้มฟังถึงเรื่องผีบังตาที่ทําให้มีคนจมน้ำตายทุกปี ทั้งภูมิและตั้มไม่เคยคิดว่าเรื่องผีที่เล่ากันในวันนี้อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด
โอบ เล่าให้ฟังว่า รู้สึกท้าทายมากครับ สำหรับบทภูมิ ในตอน คืนสีน้ำเงิน จากที่ผมเคยเล่นเป็นเพื่อนไผ่ ที่ชอบต่อยตี ในฮอร์โมน วัยว้าวุ่น พอมีโอกาสได้มาเล่นในเพื่อนเฮี้ยน..โรงเรียนหลอน ก็ได้พลิกบทบาทมาเป็นคู่จิ้นกับเด็กผู้ชาย
ซึ่งตอนที่ได้เข้าฉากกับน้องกัน ยอมรับเลยครับว่าตื่นเต้น น้องเขาเล่นดีมากครับ ช่วยรับส่งอารมณ์ ต่อบทจนผ่านฉากยากๆไปได้ ซึ่งพี่นุชชี่ผู้กำกับทำการบ้านมาค่อนข้างหนัก พยายามอธิบายให้เราเข้าใจตัวละครว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร พอเข้าฉากด้วยกันก็เลยง่ายขึ้น
ส่วนใหญ่ในเรื่องพูดถึงประเด็นเรื่องผีบังตา ที่เล่าต่อๆกันมาว่า เวลาผีจะเอาใครไปอยู่ด้วยก็จะบังคนนั้นเอาไว้ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนกว่าคนนั้นจะตายไป
ซึ่งสถานที่ถ่ายทำ พอแสงหมดบรรยากาศก็ยิ่งหลอนสุดๆ โลเคชั่นที่ถ่าย มีทั้งอาคารร้าง,สระว่ายน้ำ, ลำคลอง ฯลฯ เดินทางเข้าไปค่อนข้างลำบาก แต่เราก็ฮึดสู้ถ่ายทำกันตั้งแต่เช้ายันดึก ซึ่งโปรดักชั่นที่ออกมาภาพดูสวย ประทับใจทีมงานทุกคนมากเลยครับ
ถ้าอยากรู้ว่าตอนนี้จะตื่นเต้นระทึกขวัญขนาดไหน ติดตามชมได้ เพราะ เพื่อนเฮี้ยน..โรงเรียนหลอน มักจะหักมุมเสมอ เรา เว็บไซต์ โดดเด่นดอทคอม ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะจบอย่างไร
หากใครยังไม่จุใจ เตรียมพบกับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่อง อนธการ (The Blue Hour) โดยใช้เรื่องราวเดียวกัน ผู้กำกับเดียวกัน แต่ฉบับหนังยาวนี้ได้รับเลือกไปฉายไกลถึงเทศกาลหนังเบอร์ลิน สาย Panorama เลยทีเดียว
