แน่นอนว่าการลดน้ำหนักให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับคนอ้วนนั้นเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหารหรือกำลังกาย ต่างก็เป็นการต่อสู้กับหัวใจของตัวเองล้วน ๆ
หลายคนที่ชนะใจตัวเองได้ก็มักจะประสบความสำเร็จจนมีรูปร่างที่ดูดีได้ในที่สุด แต่บางคนที่ทำไม่ได้ จนต้องล้มเลิกความตั้งใจไป วันนี้เราจะพาไปชมเรื่องราวของหนุ่มรายหนึ่งที่เข้าขั้นอ้วนสุดขีด แต่กลับลดน้ำหนักได้สำเร็จกัน
หนุ่มอ้วนที่เราพูดถึงนี้ก็คือ ซาล พาราดิโซ เป็นชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในรัฐฟลอริดา แรกเริ่มเดิมทีเจ้าตัวเป็นคนที่อ้วนมาแต่ไหนแต่ไร แถมยังชอบกินอาหารขยะเป็นประจำทุกวัน โดยกินหนักสุด ล่อไปถึง 10,000 แคลอรีต่อวันเลยทีเดียว จนทำให้น้ำหนักของเขาพุ่งเกินกว่าที่ตาชั่งจะวัดได้ แต่ที่เขาจำได้แม่นคือหนักสุดถึง 312 กิโลกรัม ! นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาหมดความมั่นใจ ไม่กล้าออกไปนอกบ้านพบปะผู้คนเลยล่ะ
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ซาลหันมาลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ก็เป็นเพราะว่าเขามักนั่งดูรูปคุณพ่อที่เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจในวัยเพียง 42 ปี ซาลจึงตระหนักได้ว่าหากเขายังกินอาหารและทำตัวเหมือนเดิม เขาอาจมีอายุไม่ถึง 40 ปีก็เป็นได้
พอถึงช่วงเดือนมกราคม ปี 2014 ซาลสัญญากับตัวเองว่าจะลดน้ำหนักให้ได้ จากนั้นเจ้าตัวก็ทำการหักดิบโดยหันไปกินอาหารเพื่อสุขภาพเน้นคาร์โบไฮเดรตต่ำแต่โปรตีนสูงแทนอาหารขยะแบบเดิม พร้อมกับเริ่มออกกำลังกายด้วยการเดินในสระว่ายน้ำหลังบ้านทุกวัน
จนเวลาผ่านไปสองปีกว่าถึงเดือนมิถุนายน ปี 2016 น้ำหนักของเขาหายไปถึง 113 กิโลกรัม ก่อนที่จะหันไปพึ่งมีดหมอด้วยการผ่าตัด ส่งผลให้น้ำหนักหายไปอีกประมาณ 55 กิโลกรัม รวมเป็น 168 กิโลกรัม จนเหลือราว ๆ 144 กิโลกรัมในที่สุด
ถึงแม้ว่าซาลสามารถลดน้ำหนักได้เกินครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ปัญหาใหญ่ที่ตามมาก็คือผิวหนังส่วนเกินที่มีมากถึง 36 กิโลกรัม ซึ่งจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดออก เพราะต่อให้เขายกเวทและออกกำลังมากเท่าไร ผิวหนังส่วนเกินนั้นก็ไม่หายไปเองอยู่ดี
ปัจจุบัน ซาลได้ทำการเปิดระดมทุนเพื่อการผ่าตัดดังกล่าวอยู่ ส่วนหนุ่ม ๆ คนไหนที่ท้อแท้กับการลดหุ่นของตัวเองละก็ ใช้เรื่องราวของซาล พาราดิโซ เป็นแรงผลักดันให้เดินหน้าต่อไปเลย