ที่มา: ข่าวสด

นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผู้อำนวยการ AIC ศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ และผู้อำนวยการนานาชาติสมาคมแพทย์เกาหลีเพื่อศัลยกรรมความงามและเลเซอร์ (2013-2014) นำความรู้และประสบการณ์ตรง เขียนเตือนไว้ในพ็อกเก็ตบุ๊ก “ตั้งหลักก่อนทำสวย” บทที่ 3 คิดให้ดี…ก่อนไปทัวร์ศัลยกรรม@เกาหลี มีเนื้อหาบางตอนที่น่าสนใจ

1433865276_IMG_7301

อะไรที่ควรทำและไม่ควรทำยามไปศัลยกรรมที่เกาหลี

เกาหลีเก่งเรื่องแก้ไขโครงกระดูกหน้า เช่น การเหลาโหนกแก้ม ผ่าตัดกราม ฯลฯ หากเป็นเรื่องอื่น เช่น ผ่าตัดเสริมหน้าอก ทำตาสองชั้น เสริมจมูก ดึงหน้า ศัลยแพทย์ไทยทำได้และฝีมือดีด้วย ไม่ต้องไปถึงเกาหลีหรอกครับ บางอย่าง เช่น ผ่าตัดแปลงเพศ หมอไทยเก่งกว่าเกาหลี เราติดอันดับ 1 ของโลกก็ว่าได้

ผ่าตัดเสริมจมูกอาจต้องยกให้เขา เพราะกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของการผ่าตัดเสริมจมูกที่เกาหลีเป็นการผ่าแบบเปิด ราคาสูงถึงราว 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ให้ความสวยมากกว่าผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิดที่นิยมทำกันในเมืองไทย

ส่วนการรักษาเพื่อแก้ไขความชรา เช่น ผ่าตัดดึงหน้า ไม่จำเป็นต้องไปทำถึงเกาหลี แต่คนมักเข้าใจผิดคิดว่าผ่าที่เกาหลีแล้วจะทำให้หน้าดูเด็กเหมือนที่เห็นภาพโฆษณา Before & After สังเกตภาพโฆษณาให้ดีจะพบว่าภาพเนรมิต Before & After ที่เห็นมักเป็นคนอายุน้อย เพราะเกาหลีเน้นแก้ไขโครงกระดูกใบหน้า ไม่ได้เน้นแก้ไขความชรา ซึ่งเป็นคนละประเด็นกัน

กลุ่มสุดท้ายที่ไม่ควรไปทำที่เกาหลี คือ ทุกอย่างที่ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ร้อยไหม ดูดไขมัน ฯลฯ เพราะเมืองไทยทำได้สวยไม่แพ้กัน บางทีอาจดีกว่าด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือของแบบนี้ต้องมีการรักษาซ้ำ เพราะผลการรักษาไม่ได้อยู่ถาวร จึงควรทำที่เมืองไทย

แฉเล่ห์ทัวร์ส่งคนไทยไปผ่าตัดที่เกาหลี

ที่มักพบบ่อยๆ ในเมืองไทยคือการติดต่อผ่านตัวแทนหรือทัวร์ ทำให้มีค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงมากขึ้น โดยที่บริษัทเหล่านั้นมีอุบายดูดเงินจากลูกค้าคนไทยสารพัด คุณหมอออกตัวว่า ไม่ได้ว่าทุกบริษัท ที่ดีๆ ก็มี ลองพิจารณาดูรายละเอียดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ

1. ปิดบังชื่อโรงพยาบาลที่รักษา บริษัททัวร์พวกนี้มักคิดเงินในราคาเต็มของคลินิกหรือโรงพยาบาลชั้นนำ แต่พาไปคลินิกหรือโรงพยาบาลเกรดล่างที่ราคาถูกกว่า ฟันกำไรสองต่อทั้งส่วนต่างของโรงพยาบาลชั้นนำที่มีชื่อเสียงและค่าคอมมิชชั่นอีก 30-40 เปอร์เซ็นต์ เบ็ดเสร็จฟันกำไรเหนาะๆ ไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

2. บางทัวร์พาเที่ยวเกาหลีเสร็จก็แวะคลินิกหรือโรงพยาบาล ชักจูงลูกทัวร์ให้ทำหน้า เช่น ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบ ร้อยไหม ทำจมูก ฯลฯ ในราคาสูงมาก เช่น ผ่าเสริมจมูกคิดราคาเป็นแสน แต่กลับผ่าด้วยเทคนิคแบบปิด บางรายแค่ฉีดฟิลเลอร์หรือฉีดโบเล็กน้อยแล้วร้อยไหม คิด 100,000-200,000 กว่าบาท หากใครรักษาก็ไม่ต้องจ่ายค่าทัวร์ 20,000-30,000 กว่าบาท เหมือนได้เที่ยวฟรีกินฟรีตลอดทริป

คนไข้ไม่มีความรู้จึงตัดสินใจทำแต่พอกลับเมืองไทยใบหน้าไม่ดีขึ้น บางรายมีปัญหาหนักกว่าเก่า แก้ไขยาก โดยหารู้ไม่ว่าที่จ่ายไปแสนกว่าบาท บริษัททัวร์เขาฟันค่าคอมมิชชั่นไปแล้ว 50,000-60,000 บาท มากกว่าราคาทัวร์เสียอีก แถมค่ารักษายังแพงกว่าปกติด้วยซ้ำ

3. ตกลงรักษาอย่างหนึ่ง แต่กลับมีรายการรักษาเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง บางครั้งอยากไปทำแค่จมูก แต่ตื่นขึ้นมาจากยาสลบมีผ่าใต้ตา บางครั้งผ่าคางด้วยก็มี ขอโทษ…ไม่ฟรีนะครับ เขาเรียกเก็บเงินเพิ่ม ลูกค้างง ทำอะไรไม่ได้ ผ่าไปแล้วด้วย แถมบางคนผ่าแล้วแย่ไปกว่าเดิมอีก ทั้งเจ็บตัว เสียเงิน แถมหน้าพังอีก

นี่หรือความงามหลังการผ่าตัดจากเกาหลี

14338649591433865089l

ปัญหาที่พบบ่อยๆ หลังคนไข้ไปรับการรักษาที่เกาหลี

1. ไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวัง มักเป็นกลุ่มที่ถูกทัวร์หลอกไปรักษาสิ่งที่ไม่ใช่ศัลยกรรม เช่น ฉีดโบ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม ฯลฯ เนื่องจากกลุ่มนี้อาจต้องทำการรักษาช้าเพื่อปรับแต่งให้ได้ผลตามต้องการ หรือที่เรียกว่า Touch up จึงไม่ใช่การทำแค่ครั้งเดียวแต่อาจต้องทำตามขั้นตอนหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลดี เช่น ต้องฉีดโบคลายกล้ามเนื้อก่อน จากนั้นจึงฉีดฟิลเลอร์ พอฟิลเลอร์เข้าที่ค่อยร้อยไหม ไหมเข้าที่แล้วค่อยแต่งฟิลเลอร์เพิ่ม การรักษาแบบนี้ทำในเมืองไทยดีกว่า

2. มีผลข้างเคียงจากการผ่าตัดรักษา โดยเฉพาะผ่าตัดใหญ่ ผมเคยเจอเคสคนไข้อายุ 70 ปีไปผ่าตัดดึงหน้าที่เกาหลี ปรากฏว่าเปลือกตาล่างปลิ้นออกจากการดึงรั้งตอนเย็บแผล คนไข้หลับตาไม่ได้ ตาแดง เจอลมก็แสบ น้ำเข้าตาเวลาล้างหน้า ทำให้น้ำตาไหลตลอดเวลา

เอเย่นต์ที่พาไปเกาหลีบอกว่าไม่เป็นไร รอหนึ่งเดือนหาย ครบหนึ่งเดือนกลับเป็นมากกว่าเก่า เขาบอกให้รอสามเดือนหาย เข้าสองเดือนกว่าไปต่อว่าก็บอกว่าต้องรออีกหกเดือน พอคนไข้มาปรึกษาผมตรวจดูแล้วรอไม่ได้ ต้องผ่าตัดแก้ไขโดยด่วน ขืนปล่อยไว้แบบนี้ตาดำจะเป็นแผลและตาบอดได้

อีกเคสที่ผมเจออายุยังน้อย แค่ 28-29 ปี หน้ายังไม่หย่อน แต่ไปผ่าตัดดึงหน้าและทำจมูกที่เกาหลี ปรากฏว่าจมูกผิดรูปต้องผ่าแก้ หมอไทยไม่มีใครอยากแก้เพราะงานแก้ยากกว่าทำใหม่ นอกจากใบหน้าจะเสียมิติแล้วยังกลายเป็นว่าผ่าตัดดึงหน้าแล้วทำให้ดูแก่ลงอีกต่างหาก

3. เจอผลข้างเคียงหลังการผ่าตัด เช่น แผลติดเชื้อ แผลที่เย็บไว้แยกออก ฯลฯ ซึ่งโดยปกติผลข้างเคียงเหล่านี้อาจพบได้ในการผ่าตัดรักษาทุกกรณี แพทย์จึงต้องนัดคนไข้กลับมาดูผลหลังการรักษา 5-7 วัน แต่การไปผ่าตัดรักษาในต่างประเทศหากกลับมาแล้วแผลเกิดมีปัญหาไม่มีใครดูแลให้

หากต้องไปเกาหลีก็ควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานอันดับต้นๆ อย่าเสียดายเงินด้วยการเลือกทำคลินิกระดับล่าง และต้องทำใจยอมรับหากผ่าตัดรักษาแล้วเกิดข้อผิดพลาดย่อมยากที่จะแก้ไข เพราะต้องเดินทางกลับไปใหม่

ท้ายที่สุด หากพึ่งใครไม่ได้ ต้องไปร้องเรียนที่สถานทูตเกาหลีเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐช่วยจัดการต่อ เพราะทางเกาหลีเองก็กลัวเสียชื่อเสียง เขาไม่ยอมให้หมอเกาหลีที่ไม่ได้มาตรฐานมาทำให้อุตสาหกรรมความงามของประเทศเขาเสียหายแน่

เรื่องน่าสนใจ