ที่มา: surgery.or.th

อยากได้จมูกโด่งเหมือนดาราคนดัง สามารถทำแบบนั้นได้ทุกคนมั้ยนะ ? เพราะในทุกวันนี้ การผ่าตัดปรับแต่งรูปร่างของจมูกให้ดูดีขึ้น ทําได้หลายวิธี ขึ้นกับรูปเดิมของจมูกของเราว่า ขาดส่วนใด หรือส่วนใดเกิน

 

อยากได้จมูกโด่งเหมือนดาราคนดัง
ภาพจาก : news.7mth.com

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่สนใจจะทําการตกแต่งจมูก ควรศึกษาข้อมูลและทําการปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง ว่าจะได้ตามที่ต้องการหรือไม่ มีข้อจํากัดไหม เพราะรูปหน้าและผิวพรรณแตกต่างกัน ย่อมมีผลทําให้ผลการเสริมจมูกออกมาต่างกัน

 

อยากได้จมูกโด่งเหมือนดาราคนดัง สามารถทำแบบนั้นได้ทุกคนมั้ยนะ ?

บางคนที่ต้องการจมูกที่โด่งมาก ต้องพิจารณาดูว่าเข้ากับใบหน้าหรือไม่ เช่น หากหน้าผากราบ แต่จมูกสูงมากจะทําให้ดูไม่ธรรมชาติ นอกจากนี้ ต้องดูที่เนื้อผิวหนังด้วย หากผิวหนังบางเนื้อน้อย การเสริมให้จมูกโด่งมาก อาจมีปัญหาซิลิโคนทะลุ หรือเห็นเป็นสันขอบได้ สุดท้ายต้องเข้าใจด้วยว่า ผิวหนังของเราจะบางลงเมื่ออายุมากขึ้น หากเสริมมาก มีโอกาสต้องกลับมาแก้ไขในอนาคตสูงด้วย

ส่วนเรื่องที่ต้องการให้จมูกเหมือนดาราที่ชื่นชอบ หรือเหมือนเพื่อนที่เคยทํามาแล้ว รู้ไหมคะว่าแม้แต่แพทย์คนเดียวกัน ทําให้ผู้ป่วยสองคน ผลยังออกมาไม่เหมือนกันเลย เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่มีผลแตกต่างกัน เช่น ความหนาของปลายจมูก ความกว้างของสันจมูกเดิม รวมถึงความกว้างของปีกจมูกด้วย เมื่อมองภาพรวมหลังทํา จึงทําให้ดูแตกต่างกันได้ เอาเป็นว่าเสริมให้เหมาะกับใบหน้าของเราจะดีที่สุด

 

อยากได้จมูกโด่งเหมือนดาราคนดัง
ภาพจาก : gzbaitang

เสริมจมูกด้วยอะไรได้บ้าง?

โดยทั่วไป เราสามารถใช้ซิลิโคนทางการแพทย์ชนิดแท่ง อาจใช้แบบสําเร็จรูป หรือแบบที่แพทย์เหลาเองก็ ได้ ส่วนซิลิโคนเหลว หรือของเหลวอื่นที่ใช้เสริมจมูกเป็นการถาวรนั้น ไม่ผ่านอย.และเป็นอันตราย อาจทําให้จมูกอักเสบเน่า หรือเบี้ยวผิดรูปได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเอาออกจะยาก ต้องขูดเนื้อดีของเราออกด้วย เพราะมันเข้าไปแทรกตัวอยู่ ต่างกับซิลิโคนแท่งที่ไม่ค่อยมีผลแทรกซ้อน และหากจําเป็นต้องเอาออก ก็สามารถทําได้ไม่ยาก สําหรับสารฉีดเติมเต็ม (filler) แบบชั่วคราว สามารถฉีดได้ แต่จะสลายตัวไปหลังฉีดประมาณ 6 เดือน และราคายังค่อนข้างสูงอยู่ สุดท้ายคือการเสริมจมูกด้วยไขมัน โดยแพทย์จะตัดไขมันมาจากบริเวณอื่นโดยมากนิยมที่ใต้สะดือมาเสริมที่จมูกให้ ข้อดีคือ เป็นเนื้อเยื่อของเราเอง ไม่มีสิ่งแปลกปลอม ข้อเสียคือหลังจากใส่ไปแล้ว ไขมันบางส่วนจะสลาย ทำให้จมูกดูยุบลงกว่าตอนเสริมใหม่ๆ และคาดเดาได้ยากว่าจะสลายมากน้อยแค่ไหน หรือบางครั้งไขมันที่ตายบางส่วน อาจจับตัวเป็นก้อนแข็งๆ ได้

 

อยากได้จมูกโด่งเหมือนดาราคนดัง
ภาพจาก : pureaestheticssydney

ว่าด้วยเรื่องของขั้นตอนการเสริม

ขั้นตอนแรกที่ควรทําทุกคน คือปรึกษาแพทย์ ควรได้พูดคุยกับแพทย์ที่จะทําการผ่าตัดให้ก่อน เพื่อสามารถบอกความต้องการ และรับทราบข้อจํากัดหรือผลแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และวิธีปฏิบัติตัวต่างๆ โดยทั่วไปก่อนมาทําผ่าตัด ไม่ต้องงดน้ำและอาหาร เนื่องจากเป็นการทําภายใต้ยาชาเฉพาะที่ แพทย์บางท่านอาจเสริมยานอนหลับเพื่อให้ผู้ป่วยคลายความกังวล เมื่อเตรียมผู้ป่วยที่เตียงผ่าตัดแล้ว แพทย์จะทําความสะอาดและปูผ้าคลุมที่ปลอดเชื้อ ให้โผล่เฉพาะบริเวณที่จะทําผ่าตัด ขั้นตอนนี้และต่อไป ห้ามเอามือมาจับผ้าที่ปูไว้นี้ เพราะจะทําให้สกปรกและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ให้ดีคือนอนนิ่งๆ แต่สามารถพูดคุยได้เท่าที่จําเป็น จากนั้นแพทย์จะฉีดยาชาบริเวณจมูก แล้วเปิดแผลด้านในรูจมูก แล้วทําการเลาะโพรงสําหรับใส่ซิลิโคน จากนั้นทําการใส่ซิลิโคน (หากเป็นซิลิโคนที่แพทย์เหลาเองแพทย์จะเหลาในช่วงที่รอยาชาออกฤทธิ์) อาจมีการนําซิลิโคนออกมาแต่งอีกเล็กน้อย เมื่อได้ทรงที่ต้องการแล้วแพทย์จะทําการเย็บปิดแผล

 

ควรปฏิบัติตัวอย่างไรหลังการผ่าตัด

  • หลังผ่าตัดให้นอนศีรษะสูง ใช้ผ้าเย็น หรือเอาน้ำแข็งใส่ถุงห่อด้วยผ้า หรือเอาเจลที่ใช้ประคบแช่ช่องน้ำแข็งในตู้เย็น แล้วเอาออกมาห่อด้วยผ้าประคบ เพื่อลดอาการบวมใน 1-2 วันแรก
  • ห้ามสั่งน้ำมูก หากเป็นหวัดควรทานยาลดน้ำมูก รวมถึงห้ามถูกแดดนานๆ ประมาณ8สัปดาห์
  • ระวังการกระทบกระแทกแรงๆ ที่จมูก เช่น เล่นกับเด็กหรือสุนัข หรือกีฬาที่อาจมีการประทะ
  • หากมีน้ำเหลือง หรือเลือดจางๆ ออกจากแผลในรูจมูก ใช้ผ้าซับ โดยไม่ขยี้จมูก
  • เลี่ยงกิจกรรมบางอย่าง เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ หรือก้มหน้านานๆ ประมาณ2-3สัปดาห์
  • ในรายที่สวมแว่น ใช้เทปติดกลางแว่นไว้กับหน้าผาก หรือเปลี่ยนเป็นใส่คอนแทคเลน์ 6-7 สัปดาห์

 

••••••••••••••••••

ทั้งนี้ทั้งนั้น การผ่าตัดทุกชนิดอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทําผ่าตัดทุกครั้งถึงผลที่อาจเกิดขึ้น และวิธีแก้ไข หากเข้าใจและรับได้ จึงทําการผ่าตัด หากรับไม่ได้ก็ไม่ควรผ่าตัด เพราะเมื่อไม่ผ่าตัดก็ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากหากเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นแล้วไม่เตรียมรับมือไว้ อาจทําให้เสียใจภายหลังว่า รู้อย่างนี้ไม่ทําตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นไปไม่ได้แล้ว ในทางกลับกัน ควรมีสติ และปรึกษากับแพทย์ผู้ทําการผ่าตัดร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจะดีกว่า เพราะแพทย์ทุกท่านย่อมพยายามหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนให้ผู้ป่วยให้มากที่สุดอยู่แล้ว แต่หากยังเกิดผลแทรกซ้อนย่อมยินดีดูแลต่อให้ หรือหากไม่แน่ใจก็มีสิทธิจะถามแพทย์ท่านอื่นอีกได้

 

เรียบเรียงเนื้อหาโดย Dodeden.com

เรื่องน่าสนใจ