อยากเปลี่ยนสีผม ? ก็เปลี่ยนสิคะ! จะรออะไรล่ะ? มาสร้างสีสันให้ชีวิต ด้วยสีผมสวยอินเทรนด์กันดีกว่า เรามีคําแนะนําเริ่ดๆ ที่จะช่วยดูแลเส้นผม และสีผมให้คงความสวย ไม่แห้งเสียมาฝากกันด้วยนะ

 

อยากเปลี่ยนสีผม
ภาพจาก : stylenanda.com

 

ผู้หญิงส่วนใหญ่ มักจะเลือกผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะกับความต้องการของตัวเอง คุณจะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด! ลองมาทำตามเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้คุณเลือกสีผมได้เป๊ะอย่างที่ควรจะเป็น (บอกใบ้ให้นิดเดียวว่า อย่าพยายามทําสีผมที่อ่อนหรือแก่กว่าสีผมจริง 2 เฉด เพราะการเปลี่ยนสี ผมครั้งใหญ่ดังกล่าว ต้องทําโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น)

 

อยากเปลี่ยนสีผม ? ต้องเริ่มจากอะไรบ้าง ?

หาตัวเองให้พบ
คุณสามารถกําหนดการเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยการคิดว่าอยากให้สีผมเปลี่ยนไปมากแค่ไหน และมีเวลา (บวกงบประมาณ) ในการดูแลบํารุงผมที่เปลี่ยนสีแล้วมากเพียงใด ถ้าอยากเปลี่ยนสีให้อ่อนหรือเข้มกว่าเดิมมากกว่า 2 เฉด ควรใช้ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมแบบถาวรไปเลย ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เหมาะมากๆ สําหรับผมหงอกที่ดื้อกับสีย้อมธรรมดา แต่สีย้อมถาวรก็ทําให้ต้องดูแลผมมากขึ้นอีกนิด เพราะโคนผมที่ขึ้นมาใหม่ยังคงเป็นสีเดิม และอาจต้องย้อมบริเวณโคนผมทุกเดือนเพื่อให้สวยแนบเนียน

 

อยากเปลี่ยนสีผม

 

เปลี่ยนให้สีผมดูสดใสเปล่งประกายยิ่งขึ้น
เลือกผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมกึ่งถาวร สีย้อมประเภทนี้จะค่อยๆ จางทีละนิดทุกครั้งที่คุณสระผม และจะจางหมดเมื่อสระผมประมาณ 28 ครั้ง เหมาะกับคนที่ต้องการกลบรอยผมเสีย หรือเน้นสีผมโดยธรรมชาติ (เช่น หากคุณพบเส้นผมสีเหลืองในดงสีน้ำตาล สีย้อมผมแบบนี้ช่วยได้เยอะ) แต่สิ่งที่คุณต้องระวังคือ สีย้อมประเภทนี้ ใช้ได้เฉพาะเวลาต้องการย้อมผมที่เข้มกว่าเดิมเท่านั้น เพราะสีย้อมผมกึ่งถาวรนั้น ไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย สีผมจึงไม่อ่อนลง รวมถึงต้องย้อมซ้ำทุกเดือนเพื่อให้สีคงเดิม

 

อยากเปลี่ยนสีผม

 

เปลี่ยนสีผมนิด ๆ แต่สังเกตเห็นได้
ยาย้อมชนิดนี้ เหมาะมากกับการทําไฮไลต์ทั่วทั้งศีรษะ และไม่ทิ้งรอยต่อให้เห็น เมื่อผมงอกขึ้นมาใหม่ ไฮไลต์เหมาะกับคนที่อยากย้อมสีผมทุก 3 เดือน ไม่ต้องการการดูแลรักษามาก อีกทั้งยังทำให้ผมเดิมของคุณดูโดดเด่นมากขึ้นด้วย ข้อเสียเดียว คือชุดทําไฮไลต์ด้วยตนเองที่บ้าน มักไม่ค่อยได้ผลกับสีผมเข้มมาก ซึ่งต้องการสารย้อมที่เข้มข้นกว่านั้น การไปทําไฮไลต์ที่ซาลอนจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

 

ผิวคุณเป็นสีไหน ?
ก่อนที่จะหาว่าสีผมไหนเหมาะกับสีผิวมากที่สุดนั้น ควรต้องรู้ก่อนว่าสีอันเดอร์โทน หรือสีผิวจริงของคุณที่ปรากฏเมื่อย้อมสีทับลงไปนั้นเป็นสีอะไร ลองยืนหน้ากระจกที่มีแสงพอเหมาะ มองตัวเองให้ดี ถ้าผิวหน้าอมชมพูหรือแดง นั่นแปลว่าคุณมีสีอันเดอร์โทนเย็น แต่ถ้าดูเป็นสีพีช เหลืองโอลีฟ หรือทองละก็ แสดงว่าคุณมีสีอันเดอร์โทนร้อน แต่ถ้าไม่เห็นสีอะไรเด่นชัด นั่นหมายถึงคุณมีอันเดอร์โทนสีกลาง

ถ้าแค่ทําไฮไลต์ คุณอาจใช้นัยน์ตาเป็นเครื่องตัดสินได้ว่า สีใดจะเหมาะ ถ้าตามีสีน้ำตาล แสดงว่าคุณมีดวงตาโทนร้อน หากสีของดวงตากําหนดสีผมได้ สีผิวคุณก็น่าจะกําหนดสีผมที่เหมาะได้เช่นกัน เมื่อเดินเข้าร้านแล้ว ให้เลือกสีที่ใกล้เคียงกับโทนสีผมเดิมไว้ก่อน จากนั้นค่อยนึกถึงหลักที่จะช่วยให้คุณได้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมที่โอเค ใช่เลย

 

อยากเปลี่ยนสีผม

 

คนที่มีผิวโทนเย็น
ลองหาโทนสีน้ำตาล เทา หรือสีกลางๆ โทนสีแบบนี้ จะไม่มีประกายแดงหรือทอง และจะดูตัดกับผิวอมชมพู คนผมสีน้ำตาลอาจเลือกโทนสีช็อกโกแลต หรือเอสเพรสโซ่ ถ้าอยากย้อมผมแดงตามกระแสจะแย่แล้ว ลองเลือกสีที่มีคําว่า ทองแดงเชอร์รี่ หรือสีน้ำตาลแดงปานกลาง สีแดงปนน้ำตาลนี้ ไม่ได้ทําให้สีผมเข้ากับสีผิว แต่ทําให้สีผมดูตัดกับสีผิวอมชมพู

 

อยากเปลี่ยนสีผม

 

คนที่มีผิวโทนร้อน
ควรเพิ่มความกระจ่างให้แก่ผิว ด้วยสีผมประกายทอง หรือประกายแดง คนผมสีน้ำตาล ควรเลือกใช้สี เช่น น้ำตาลทอง เชสนัต หรือมะฮอกกานี

 

อยากเปลี่ยนสีผม

 

คนที่มีผิวโทนสีกลาง
ผิวโทนสีกลางนั้น เปิดโอกาสให้คุณเปลี่ยนสีได้ตามใจชอบเหมือนกิ้งก่า คุณสามารถเลือกสีใดก็ได้ที่เหมาะสมกับบุคลิก

ที่สำคัญ ควรรักษาสีผมเอาไว้ให้ได้นานที่สุด ขอกระซิบนิดนึงว่า น้ำที่มีคลอรีน เหล็ก และแร่ธาตุต่างๆ ในท่อน้ำ ส่งผลให้ผมทําสี อ่อนๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวได้ นอกจากแก้ด้วยการใช้เครื่องกรองคลอรีน ที่ติดกับฝักบัว เพื่อกรองสารเคมีปนเปื้อนออกไป ก็ควรบํารุงผมสัปดาห์ละครั้งด้วยนะคะ 🙂

 

เนื้อหาโดย : Dodeden.com
รูปภาพจาก : stylenanda.com

เรื่องน่าสนใจ