แม่น้องการ์ตูน เผย อาการลูกสาวดีขึ้น เพิ่งผ่าตัดอีกครั้ง เผย ถูกโรงพยาบาลทวงค่ารักษา 1 ล้านบาท หลังได้รับเงินบริจาค ขณะที่โรงพยาบาลแจงกลับ ไม่เคยบังคับหรือเร่งรัด แม้ค่ารักษาสูงกว่า 2 ล้าน

10-03

จากกรณีเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2557 ได้เกิดอุบัติเหตุรถชนคนที่หน้าร้านสเต๊ก ปากซอยบางบอน เอกชัย 19 ส่งผลให้ น้องการ์ตูน วัย 5 ขวบ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนผู้เป็นพ่อเสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2558 นางสาวศรัญญา ชำนิ แม่ของน้องการ์ตูน ให้สัมภาษณ์กับ เดลินิวส์ออนไลน์ ถึงอาการของลูกสาว ว่า หมอตรวจพบน้ำบวมในสมอง จึงระบายมาที่ช่องท้อง แต่ไม่เป็นผล จึงต้องผ่าตัดเพื่อระบายน้ำออกทางปอด แต่ก็ยังไม่เป็นผลอีก จึงระบายออกทางหัวใจ ตอนนี้น้องลืมตาได้ แต่ไม่รับรู้ แขนเริ่มขยับซ้าย-ขวาได้ น้องจะร้องไห้เวลาแม่พูดด้วย ซึ่งคุณหมอยังไม่มั่นใจว่าน้องจะหายหรือไม่ แต่ตนเชื่อว่าลูกต้องหาย เพราะอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่คุณหมอระบุว่าเป็น “ปฏิกิริยา”อย่างไรก็ตาม คาดว่าน้องจะสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ภายใน 2 อาทิตย์

ทั้งนี้ นางสาวศรัญญา ยังกล่าวอีกว่า ทางโรงพยาบาลได้ติดตามทวงถามเรื่องเงินค่ารักษาพยาบาลมา โดยระบุว่าขอให้นำเงินมาจ่ายก่อน 1 ล้านบาท เพื่อปิดบัญชีประจำปี ภายในวันที่ 31 มกราคมนี้ จากปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลสูงกว่า 2,200,000 บาท ซึ่งหากเป็นเคสปกติ เจ้าของไข้ต้องจ่ายเงินทุก 30,000 บาท แต่ตนได้แจ้งว่าจะขอเจรจาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีก่อนในวันที่ 12 มกราคมนี้ ว่ามีเงินมาจ่ายให้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลกลับแจ้งว่าเห็นว่าตนได้รับเงินบริจาคมามาก ก็ควรนำเงินมาจ่ายให้ทางโรงพยาบาลบ้าง แต่ตนตอบไปว่าเรื่องเงินบริจาคเป็นสิทธิส่วนบุคคล คนที่บริจาคมาก็ต้องการช่วยน้อง เงินที่รับมาไม่ถือว่าเยอะ เพราะน้องต้องเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในระยะยาว นอกจากนี้ผู้ที่บริจาคมาก็แจ้งว่าอย่าเพิ่งนำไปจ่ายให้โรงพยาบาล ไม่เช่นนั้นคู่กรณีก็สบาย หากไม่มีเงินจ่าย ก็ให้โรงพยาบาลฟ้องร้องคู่กรณีด้วย ไม่ใช่ฟ้องตนแต่อย่างเดียว แต่ถ้าหากตนจ่ายหมดในวันนี้ แล้วให้คู่กรณีเซ็นยอมรับหนี้คนเดียว แล้วเกิดวันหนึ่งคู่กรณีไม่ยอมจ่าย ตนก็ต้องเดินเรื่องฟ้องคู่กรณีแต่เพียงผู้เดียว

อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ สอบถามไปยัง นพ.วีระ อิงคภาสกร กรรมการผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ก็ได้รับคำชี้แจงว่า ค่ารักษาพยาบาลน้องการ์ตูนตอนนี้ 2 ล้านกว่าบาท ทางคู่กรณีได้ช่วยชำระมาเรื่อย ๆ ครั้งละหลักแสน หลักหมื่น บ้างก็หลักพัน รวมเป็นเงินกว่า 2 แสนบาทแล้ว และยังมีผู้ไม่ประสงค์ออกนามช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายมาอีก 10,000 บาท ที่เหลือยังไม่มีใครชำระให้ แม้แต่แม่ของน้องการ์ตูนเอง อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลก็ไม่เคยบังคับหรือขีดเส้นให้เจ้าของไข้ต้องมาจ่ายเงินภายในวันใด โรงพยาบาลไม่เคยพูดเลยว่าต้องการเงินจากฝ่ายไหน ไม่เคยเร่งรัดว่าต้องการเงินก้อน แม้ว่าคู่กรณีนำเงินมาจ่ายทีละหลักหมื่น หลักพัน โรงพยาบาลก็ไม่เคยว่า

นพ.วีระ กล่าวต่อว่า ตอนนี้เด็กอยู่กับเรา เราช่วยเด็กโดยดูแลอย่างดี เพราะเห็นใจญาติ ยอมรับว่าตอนรับเด็กมาครั้งแรกคิดว่าไม่น่าจะรอด เพราะอาการหนักมาก ทั้งนี้ในการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ทางโรงพยาบาลต้องคุยกับเจ้าของไข้เท่านั้น ซึ่งกรณีนี้คือคุณแม่ของน้อง ส่วนเรื่องคู่กรณี บริษัทประกันฯ นั้น เป็นเรื่องที่คุณแม่ต้องไปเจรจาตกลงกันเอง หากวันหนึ่งน้องจะได้กลับบ้าน ทางโรงพยาบาลจะต้องคุยกับคุณแม่ แต่ถ้าคุณแม่จะให้ใครมารับผิดชอบ ก็ต้องให้มาคุยกัน

ขอขอบคุณ Kapook

เรื่องน่าสนใจ