ที่มา: Kapook.com

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมาทาง เว็บไซต์ชาแนลนิวส์เอเชีย ได้เผยรายงานยกให้ โค้ชเอก นายเอกพล จันทะวงษ์ วัย 25 ปี เป็นฮีโร่คนสำคัญในเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมระบุว่า โค้ชเอกเป็นผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่อยู่กับเด็ก ๆ ตั้งแต่เข้าถ้ำหลวงไปในวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา เขาคนนี้คือผู้ที่คอยดูแลเด็ก ๆ ให้อยู่ในความสงบในถ้ำอันมืดมิด และเขาก็ยังเป็นหนึ่งในคนกลุ่มสุดท้ายที่เดินทางออกจากถ้ำ ตามหลังเด็ก ๆ ที่เขาคอยดูแลมาตลอด

 

โคช้เอก

 

นอกไปจากความสามารถในการดูแลเด็ก ๆ ของเขาแล้ว จดหมายของโค้ชเอกที่หน่วยซีลเป็นผู้นำออกมาจากถ้ำ เพื่อให้คำสัญญาว่าจะดูแลเด็ก ๆ ให้ดีที่สุด พร้อมกราบขอโทษผู้ปกครองด้วยนั้น ยังสะท้อนถึงความนอบน้อมและความรับผิดชอบของเขา จนกลายเป็นอีกสิ่งที่ทำให้ชายคนนี้ได้ใจคนทั้งไทยและต่างชาติ

อย่างไรก็ตาม ชาแนลนิวส์เอเชีย ชี้ว่า แม้จะได้รับการยกย่องในฐานะฮีโร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงเรื่องที่ โค้ชเอก ยังเป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะเป็นพลเมืองไทย ไปได้ ซึ่งไม่ได้มีเพียงโค้ชเท่านั้น แม้แต่เด็ก ๆ ทีมหมูป่าอีก 3 คนที่ติดถ้ำอยู่ด้วยกัน ก็ยังไม่ได้รับสัญชาติไทยเช่นกัน

 

 

โดย นายนพรัตน์ กันฑะวงษ์ กุนซือของทีมหมูป่าฯ เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพี ว่า การได้รับสัญชาติไทยนั้นคือความหวังที่ใหญ่ที่สุดของเด็ก ๆ ที่ผ่านมาพวกเขามักจะมีปัญหาถ้าต้องออกไปแข่งนอกจังหวัด การที่เด็กบางคนไม่มีสัญชาติไทยนั้น ทำให้เกิดข้อจำกัดด้านการเดินทาง อีกทั้งยังจะทำให้เด็กเหล่านี้ไม่สามารถกลายเป็นนักเตะอาชีพในอนาคตอีกด้วย

ในขณะที่โค้ชเอกนั้น เป็นชนชาติไทลื้อ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มานาน และบวชเรียนตั้งแต่เล็ก ก่อนจะมาทำหน้าที่เป็นโค้ชทีมหมูป่าฯ เขาชอบทำสมาธิ ชอบเดินป่าและกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ อย่างไรก็ตามแม้โค้ชเอกจะได้รับการยกย่องว่าเป็นครูที่ใจดีและมีความอดทน ยินดีให้การช่วยเหลือแม้แต่เด็กที่มีทักษะน้อยที่สุด แต่น่าเศร้าที่การไร้สถานะเป็นพลเมืองของเขานั้น ได้กลายมาเป็นสิ่งกีดขวางทำให้เขาไม่สามารถขอรับใบอนุญาตการเป็นโค้ชได้

 

เรื่องน่าสนใจ