ฤดูฝนต้องระวัง! ไข้หวัดใหญ่ ระบาด ทั้งสายพันธุ์ A และ B! เพราะทุกวันนี้ เราต้องเจอกับโรคร้ายที่แทบไม่มีสัญญาณเตือนให้รู้ล่วงหน้ากันมากขึ้น บางครั้งโรคที่เราคิดว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร อย่างไข้หวัด ก็สามารถทำให้ป่วยหนักถึงขั้นเสียชีวิตได้ ทางที่ดีจึงควรต้องรู้และหาทางป้องกันให้ครอบคลุมเอาไว้ก่อนดีกว่า

ฤดูฝนต้องระวัง
ภาพจาก getold.com

ไข้หวัดใหญ่  อาจฟังดูไม่น่ากลัวนัก เพราะเราสามารถป้องกันได้ตั้งเเต่เนิ่นๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ปีนึงหลายล้านคน  บางคนบอกว่าอาการที่เกิดขึ้นไม่น่าจะแตกต่างจากไข้หวัดธรรมดา ซึ่งกินยาก็น่าจะหาย ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันให้ยุ่งยาก มันไม่ใช่อย่างที่คิดกันหรอกนะ เพราะมันเป็นโรคที่อาจทำให้มีภาวะแทรกซ้อนได้บ่อยกว่า และโดยทั่วไปอาการจะรุนเเรงและยาวนานกว่าไข้หวัดธรรมดา ในผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังอาจส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่ระบบอื่นๆ หรือเกิดภาวะที่รุนเเรงตามมา เช่น ระบบหัวใจและหลอดเลือด เกิดการอักเสบของเยื่อหุ้มหัวใจ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ หรืออาการหัวใจวาย หากเชื้อกระจายไปในระบบประสาท ก็จะส่งผลให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบและสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะปวดศีรษะมากและซึมลง

ฤดูฝนต้องระวัง
ภาพจาก respectfulinsolence.com

ถ้าเชื้อเดินทางไปสู่ระบบหายใจและไวรัสเพิ่มจำนวนมากขึ้น ก็จะส่งผลให้เยื่อบุทางเดินหายใจถูกทำลายอย่างมาก เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น หลอดลมอักเสบ ทำให้ผู้ป่วยไอ มีเสมหะมาก เจ็บกลางอก แน่นหน้าอก และหายใจมีเสียงหวีดทั่วปอด รวมทั้งปอดบวม ในบางรายมีอาการหายใจหอบ เจ็บหน้าอก ไอมีเสมหะมาก ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน หากเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย โรคปอดอุดกลั้นเรื้อรังก็อาจอันตรายถึงชีวิตได้ 

ความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดธรรมดา
สำหรับความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดธรรมดา คือ ไข้หวัดใหญ่เป็นการติดเชื้อของ influenza virus ซึ่งเป็นการติดเชื้อในทางเดินของระบบหายใจ ไม่ว่าจะเป็นจมูก คอ หลอดลม และปอด โดยเชื้อของมันมีการลามเข้าไปที่ปอดจนทำให้เกิดอาการปอดบวม และผู้ป่วยจะมีไข้สูง มีอาการปวดศีรษะ ปวดตามตัว และปวดตามกล้ามเนื้อเป็นอย่างมาก ซึ่งจะมีการพบมากในทุกวัย โดยเฉพาะในวัยเด็กจะมีการพบมากที่สุด แต่อัตราการเสียชีวิตจากการเป็นโรคไข้หวัดใหญ่มักเกิดกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคตับ โรคไต และโรคหัวใจ เป็นต้น แต่ในส่วนของไข้หวัดธรรมดานั้นจะเป็นไข้หวัดที่มีการติดต่อของเชื้อไวรัส โดยผู้ที่เป็นโรคไข้หวัดธรรมดาจะแสดงออกของการมีน้ำมูกไหล และมีไข้ที่ไม่สูงมาก

 

ฤดูฝนต้องระวัง
ภาพจาก arstechnica.com

สายพันธุ์ของโรคไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่เป็นไข้หวัดที่มีระดับความรุนแรงมากกว่าไข้หวัดธรรมดา แต่ในอาการเริ่มแรกมักจะไม่แตกต่างกันนัก ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นในแต่ละคนยังแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่ผู้ป่วยได้รับเชื้อ โดยมีการแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์หลักๆ โดยในแต่ละสายพันธุ์จะแบ่งตระกูลย่อยได้ออกมาอีกเป็น 4 ชนิดด้วยกัน

ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A
แบ่งออกเป็น H1N1 และ H3N2 เป็นไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการรุนแรง มีการแพร่ระบาดที่ควบคุมได้ยากกว่าชนิดอื่นๆ เชื้อที่ตรวจพบในร่างกาย ยังสามารถเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์ได้สูง ซึ่งสามารถแพร่กระจายจากสัตว์สู่คนและติดเชื้อขึ้นมาได้

ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B
แบ่งออกเป็นตระกูล Victoria และ Yamagata เป็นไวรัสที่จะพบเชื้อได้ในคนเท่านั้น อาการไม่รุนแรงเท่าสาพันธุ์ A ส่วนมากจะเกิดการแพร่ระบาดในช่วงฤดูหนาว เพราะสภาพแวดล้อมที่เชื้อไวรัสชนิดนี้ชอบคืออากาศเย็นและแห้ง โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมกราคมที่จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ส่วนในฤดูฝน จะมีไวรัสสายพันธุ์นี้ได้บ้าง กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการรับเอาเชื้อไวรัสเข้าไป ตามมาด้วยอาการที่รุนแรงคือผู้ป่วยโรคปอด โรคหัวใจ เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี คนท้อง และผู้สูงอายุ

 

ฤดูฝนต้องระวัง

วิธีดูแลตัวเอง

  • หากอยู่ในวัยเรียนหรือวัยทำงาน ควรลางานเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
  • กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 7-8 แก้ว 
  • งดบุหรี่ หลีกเลี่ยงไปอยู่ในที่ที่มีควันบุหรี่
  • ไปพบแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำในวิธีการปฎิบัตตนอย่างละเอียด

………………………………………..

และที่สำคัญ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานและเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ อาจนำไปสู่ภาวะ Diabetic Ketosis เกิดภาวะระดับน้ำตาลสูง ภาวะกรดในเลือด และมีการคั่งของคีโตนในเลือด ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้ เพราะฉะนั้นโรคนี้จึงเป็นอันตรายอย่างมาก อย่าลืมดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ

เรื่องน่าสนใจ