เปลี่ยนรางวัลที่ 1 เป็น 3 ล้านบาท ให้ผู้ขายคู่ละ 9.60 บาทเริ่ม 16มิ.ย. ต้องราคา 80 ใครฝ่าฝืนยึดทรัพย์
บอร์ดสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ทำนักเลงหวยเข่าอ่อน หัวใจสลายร้องไห้หนักมาก สูญเสียความหวังเป็นเศรษฐีมีเงินก้อนโตในพริบตา เมื่อมีมติสั่งยกเลิกรางวัลแจ็กพอต 52 ล้านบาท แต่ไปเพิ่มรางวัลที่ 1 เป็นเงินรางวัลรางวัลละ 3 ล้านบาท และเฉือนกำไรสำนักงานสลากฯไปเพิ่มให้คนขาย “อภิรัชต์” กร้าวใครดื้อแพ่งขายสลากฯเกิน 80 บาทเจอกฎหมายเข้มแน่ ดัดหลังผู้ค้ารายใหญ่ที่โกยกำไรไปล้นหลามแล้ว
นักเล่นหวยหัวใจสลาย ความหวังที่จะร่ำรวยรวดเร็วในพริบตาต้องพังทลาย เมื่อสำนักงานสลาก กินแบ่งแจ้งข่าวร้าย ยกเลิกรางวัลแจ็กพอตที่เป็นเงินก้อนโตนับสิบล้านบาท แลกกับการได้ซื้อสลากในราคาฉบับละ 80 บาท ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองแม่ทัพภาค 1 ในฐานะประธานกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือบอร์ด ได้เรียกประชุมคณะกรรมการสำนักงานสลากฯ ชุดใหม่ตามคำสั่งมาตรา 44 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี
พล.ต.อภิรัชต์แถลงข่าวว่า บอร์ดมีมติให้เพิ่มส่วนลด (กำไร) แก่ผู้ค้าสลากที่มีโควตา จากปัจจุบันผู้ค้าสลากได้รับส่วนลดคู่ละ 7% หรือ 5.60 บาท จากราคาจำหน่ายสลากคู่ละ 80 บาท จะเพิ่มขึ้น 12% หรือได้กำไรจากการสลากคู่ละ 9.60 บาทเท่ากับเป็นราคาขายส่งฉบับละ 70.40 บาท โดยมั่นใจว่า ส่วนลดหรือกำไรที่ได้รับมากขึ้น จะทำให้สลากที่จำหน่ายในงวดวันที่ 16 มิ.ย.นี้ อยู่ที่ 80 บาท
ซึ่งเป็นราคาที่นายกรัฐมนตรีต้องการเห็นและยังเป็นราคาที่เลิกเอาเปรียบประชาชนอีกด้วย ขณะที่ผู้ถือโควตาสลากก็จะมีกำไรเพิ่มขึ้น จากกำไรคู่ละ 5.60 บาท จะเพิ่มขึ้นเป็น 9.60 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมในยุคปัจจุบัน เช่น ผู้ค้าสลากได้รับโควตาคนละ 5 เล่มใหญ่ หรือ 500 คู่ จะได้กำไรงวดละ 4,800 บาท หรือเดือนละ 9,600 บาท
พล.ต.อภิรัชต์กล่าวด้วยว่า การเพิ่มกำไรให้แก่ผู้ค้าสลากจะทำให้รัฐบาลมีรายได้ลดลงปีละ 1,500 ล้านบาท ถือว่ารัฐบาลยอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อให้ผู้ค้าสลากเลิกเอาเปรียบประชาชน แต่ผู้ค้าสลากเองเมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็ต้องยอมรับความพอเพียงคือจะขายสลากไม่เกินราคา 80 บาท หากยังขายเกินกว่าราคาที่กำหนด จะมีบทลงโทษที่รุนแรงไม่ใช่แค่โทษปรับ 10,000 บาท จำคุก 1 เดือน หรือทั้งจำคุกและปรับ
แต่จะโทษถึงขั้นยึดทรัพย์ตามประกาศมาตรา 44 เพราะเข้าข่ายทุจริตและฉ้อ โกงประชาชน บอร์ดจะพิจารณาว่า ราคาขายสลากต้องไม่เกิน 80 บาท ส่วนผู้ที่รับโควตาจะขายต่อไปอีกทอดให้ผู้ค้าสลากรายใหญ่ก็ได้เช่น รับมา 70.40 บาท ขายไป 71.40 บาทกำไร 1 บาททันทีก็ได้ แต่ราคาขายปลีกจะต้องไม่เกิน 80 บาท
โดยจะเริ่มงวดแรกวันที่ 2 มิ.ย.58 เพื่อตรวจผลออกรางวัลงวดวันที่ 16 มิ.ย.58 ส่วนเรื่องการจัดสรรโควตาสลากรายย่อย 48 ล้านฉบับ ที่จะสิ้นสุดอายุโควตาในเดือน มิ.ย.58 นี้ บอร์ดจะต่ออายุให้แก่ผู้ค้าสลากรายย่อย แต่จะเฉลี่ยโควตา จากเดิมที่มีโควตาไม่เท่ากัน จะได้รับเท่ากันคนละ 5 เล่มใหญ่ หรือ 500 คู่ และต้องขายปลีกในราคา 80 บาท หากเกินกว่านั้นจะถูกยึดโควตาและลงโทษตามกฎหมาย
พล.ต.อภิรัชต์กล่าวอีกว่า ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ผู้ค้าสลากรายใหญ่มีกำไรสะสมมากเพียงพอแล้ว นับจากนี้ไปต้องอยู่ในระเบียบตามคำสั่งของ คสช. ตนจะสั่งให้ตรวจสอบลงลึก หากไม่เชื่อฟังก็จะถูกใช้กฎหมายที่เข้มงวดทันที นอกจากนี้ บอร์ดสำนักงานสลากฯ ยังมีมติให้ยกเลิกรางวัลแจ็กพอต ของสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 52 ล้านบาทในเดือน ส.ค.นี้ และไปเพิ่มเงินรางวัลที่ 1 ที่จากปัจจุบันรางวัลที่ 1 ของสลากกินแบ่งรัฐบาล จะได้รับเงินรางวัล 2 ล้าน ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท โดยเอาเงินรางวัลแจ็กพอตที่ยกเลิก นำกลับไปเพิ่มเป็นเงินรางวัลให้แก่รางวัลที่ 1 เพื่อลดความต้องการในการรวมเลขชุด สำหรับคนที่ต้องการถูกรางวัลแจ็กพอต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่สำนักงานสลากฯ พิมพ์ออกมาจำหน่ายในปัจจุบัน มียอดพิมพ์ทั้งหมด 74 ล้านฉบับ ในจำนวนนี้เป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล 52 ล้านฉบับที่เป็นเงินรางวัลที่ 1 รางวัลละ 2 ล้านบาท ที่เหลืออีก 22 ล้านฉบับเป็นสลากการกุศล ที่มีเงินรางวัลที่ 1 รางวัลละ 3 ล้านบาท
