เรียบเรียงเนื้อหาโดย Dodeden.com
เป็นเรื่องราวของหนุ่มที่อยากหล่อ ออกมาแชร์ประสบการณ์การบินไปทำศัลยกรรมไกลถึงประเทศเกาหลีเลยล่ะค่ะ โดยคุณเบียร์ได้มาตั้งกระทู้ผ่านเว็บไซต์โดดเด่นดอทคอม เล่าถึงประสบการณ์การทำศัลยกรรมเสริมจมูก และการทำศัลยกรรมปรับรูปหน้าไม่ว่าจะเป็นการตัดโหนกแก้ม ดูดไขมันเหนียง เรียกได้ว่าเจ็บตัวครั้งยิ่งใหญ่เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยล่ะค่ะ
ภาพของคุณเบียร์ที่เคยทำศัลยกรรมเสริมจมูกมาก่อนในประเทศไทยเมื่อ 5 ปีก่อน
โดยคุณเบียร์เล่าว่าทีตัดสินใจทำศัลยกรรมเสริมจมูกใหม่เป็นเพราะว่าจมูกเก่านั้นเบี้ยว และปลายจมูกเชิดืทำให้ดูเหมือนเป็นจมูกหมูไม่สวย เลยตัดสินใจไปทำศัลยกรรมแก้ไขจมูกใหม่ที่ประเทศเกาหลี โดยใช้กระดูกอ่อนซี่โครงตัวเองควบคู่กับซิลิโคนตัวไอ และทุบดั้งใหม่ รวมถึงแก้ปลายจมูกสั้น ปลายจมูกเบี้ยว และตัดปีกจมูกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการทำยกเครื่องจมูกใหม่หมดเลยนั่นเอง
หลังออกจากห้องผ่าตัดมา 1 ชั่วโมง ก็มีการประคบเย็น และมีผ้าก็อตปิดกันเลือดไหลที่รูจมูก
หลังจากผ่าตัดไปได้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
หลังจากทำการผ่าตัดเสริมจมูกผ่านไปวันแรก
โดยคุณเบียร์เล่าว่าหลังจากฟื้นจากยาสลบก็รู้สึกมึนๆ แต่ไม่เจ็บปวดแผลที่ทำศัลยกรรมสักเท่าไร ซึ่งช่วงวันสองวันแรกนั้นจะต้องหายใจทางปากเพราะไม่สามารถหายใจทางจมูกได้ เลยทำให้อึดอัด และยังรู้สึกเจ็บปวดซี่โครงอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากได้ใช้กระดูกอ่อนซี่โครงทางด้านซ้ายมาช่วยเสริมจมูกอีกด้วย คุณหมอก็สั่งห้ามให้ไอ หรือจามบ่อยๆ ซึ่งอาการเจ็บจี๊ดๆ ที่บริเวณซี่โครงนั้นคุณเบียร์ได้เจ็บมานานถึงเกือบ 1 เดือนเลยทีเดียว
หลังจากผ่าตัด 72 ชั่วโมงแรก เป็นวันที่บวมเยอะที่สุด
แผลที่ผ่าตัดกระดูกอ่อนซี่โครง ครบ 7 วัน ก่อนผ่าตัดไหมออก
ครบ 7 วัน มาตัดไหมที่จมูก,หลังหู,บริเวณที่ผ่าตัดกระดูก
7 วันหลังผ่าตัด (หลังจากถอดเฝือก ตัดไหม)
หลังจากทำจมูกครบ 3 สัปดาห์ อาการช้ำที่ใต้ตาเริ่มหายไปตั้งแต่สัปดาห์ที่สองแรก จะเห็นแค่รอยเหลืองๆ จางๆ อาการบวมจะเห็นชัดเจนบริเวณสันจมูก แต่ปลายจมูกก็ยังดูตุ่ยๆ อยู่ แผลกรีดปีกจมูกดีขึ้นเยอะมาก
หลังจากทำจมูกได้ประมาณ 1 เดือน เริ่มใส่แว่นบ้าง เฉพาะเวลาถ่ายรูป เพราะกลัวจมูกเบี้ยว
หลังจากทำจมูกได้ประมาณ 3 เดือน ครบ 3 เดือนคุณเบียร์จึงเริ่มใส่แว่นตามปกติ
ภาพเปรียบเทียบก่อนทำ และหลังทำจมูกได้ 4 เดือนกว่า
นอกจากทำศัลยกรรมแก้ไขจมูกไปแล้วนั้น คุณเบียร์ก็ได้ตัดสินใจไปทำผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกโครงหน้า เนื่องจากมีปัญหาหน้าบานใหญ่ และโหนกแก้มไม่เท่ากัน ทำให้ไม่มีความมั่นใจ และเวลาถ่ายรูปก็ต้องคอยหลบมุมกล้องให้ดูดีอยู่ตลอด คุณเบียร์จึงได้ตัดสินใจไปทำศัลยกรรมกระดูกโครงหน้าเพื่อปรับรูปหน้าของตัวเองอีกครั้งนั่นเอง
คุณเบียร์เลือกผ่าตัดที่โรงพยาบาลดีเอ หรือ D.A Plastic Surgery และภาพนี้กับคุณหมอที่ทำการผ่าตัดให้คุณหมอ ลี ซัง วู ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระดูกโครงหน้า และยังเป็นเจ้าของโรงพยาบาลดีเออีกด้วย
โดยก่อนคุณเบียร์จะทำการผ่าตัดคุณหมอก็ให้ทำการตรวจร่างกายก่อนโดยละเอียดไม่ว่าจะเป็นการทำ CT Scan เอกซ์เรย์ปอด และคอนซัลท์พูดคุยกับคุณหมอถึงการทำศัลยกรรมผ่าตัดโครงหน้าแบบละเอียด ซึ่งคุณเบียร์เล่าว่าคุณหมอได้ให้คำปรึกษาดีมาก และให้คำตอบที่ดีแบบละเอียดมากๆ จนเขาประทับใจเลยทีเดียว
ภาพขณะคุณเบียร์ถ่ายรูปก่อนทำศัลยกรรม เข้าทำ CT Scan และคอนซัลท์กับคุณหมอ
คุณเบียร์ยังเล่าต่ออีกว่าก่อนทำศัลยกรรมผ่าตัดโครงหน้านั้นวิสัญญีแพทย์จะต้องเป็นคนมาวางยาสลบก่อน ซึ่งที่นี่จะทำได้อย่างนุ่มนวลมากๆ เพราะเขาจะค่อยๆ รู้สึกง่วง และหลับไป ไม่เหมือนที่อื่นที่อาจจะทำให้เหมือนภาพตัด และหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัวนั่นเอง
ภาพแรกหลังจากที่คุณเบียร์ฟื้นมาจากการผ่าตัด โดยอยู่ในห้องผ่าตัดประมาณ 3-4 ชั่วโมง แต่คุณหมอใช้เวลาผ่าตัดไปเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
หลังจากผ่าตัดไปได้ 1 ชั่วโมง คุณเบียร์เล่าว่าปวดใบหน้าไปทั้งหมด หลังจากนั้นก็ค่อยๆ หายปวด เนื่องมาจากยาแก้ปวดที่ทางโรงพยาบาลใส่ผ่านสายน้ำเกลือนั่นเอง
หลังจากนั้นพยาบาลก็ย้ายคุณเบียร์ไปอยู่ห้อง VIP เรียกได้ว่าสะดวกสบายแบบสุดเลยทีเดียว สำหรับโรงพยาบาลศัลยกรรมแห่งนี้ และทีมแพทย์ก็ดูแลอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
8 ชั่วโมง หลังการผ่าตัด
หลังจากผ่าตัดไปวันแรกใบหน้าของคุณเบียร์ก็บวมมาก และคุณหมอก็จะเขียนใบสั่งยาให้ไปซื้อที่ร้านขายยาเอง เนื่องจากโรงพยาบาลจะไม่จัดยาให้เพราะเป็นกฎหมายในประเทศเขา คุณเบียร์เลยฝากให้ล่ามเป็นธุระซื้อยามาให้ ซึ่งยาก็ไม่ได้เยอะอย่างที่คิด เช้ากับเย็นกินครั้งละ 3 เม็ด ส่วนกลางวันกินครั้งละ 1 เม็ดเท่านั้น
ยาและ น้ำบริสุทธิ์ ที่เอาไว้ใช้ผสมกับน้ำยาบ้วนปาก ช่วงแรกๆ คุณหมอห้ามแปรงฟัน ให้บ้วนปากแทน
วันที่ 1 หลังจากการผ่าตัด อาการบวมเริ่มมา คุณเบียร์บอกว่าถ้ามีไข้สูงให้รีบเดินทางไปโรงพยาบาลทันที เพราะอาจจะเกิดอาการช๊อกได้
วันที่สองหลังจากทำการผ่าตัดศัลยกรรมโครงหน้า คุณเบียร์เล่าว่า การเดินออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันจะช่วยบรรเทาอาการบวมบนใบหน้า แต่คุณหมอสั่งห้ามถือของหนัก และห้ามออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลา 1 เดือนเลยทีเดียว
วันที่ 3 หลังผ่าตัดก็เริ่มมีการเดินทางไปทำความสะอาดแผล
แผลข้างหูประมาณ 1 cm.
มีการทำเลเวอร์ลดอาการบวม เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ดีมากเลยทีเดียว
หลังจากทำความสะอาดแผลเสร็จ และทำเลเซอร์ลดบวมแล้ว
วันที่ 4 หลังจากการผ่าตัด คุณเบียร์เริ่มออกไปเดินเล่น เพราะการเดินออกกำลังกายนั้นจะช่วยบรรเทาอาการบวม และทำให้เลือดไหลได้ดีขึ้นอีกด้วย
สำหรับใครที่อยากจะอ่านเรื่องราวประสบการณ์การทำศัลยกรรมของคุณเบียร์ในครั้งนี้แบบเต็มๆ ตามไปอ่านกันได้ที่กระทู้ เมื่อผู้ชายมาศัลยกรรมเกาหลี,จมูก,ตัดโหนกแก้ม,วีไลน์,ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม,ดูดไขมันเหนียง(ละเอียดยิบ) กันได้เลยค่ะ!