DSC_4451

หลังจากมีข่าวลือหลุดกันมาหลายเดือน จนทำเอาหลายๆคนหมดความตื่นเต้นไปแล้ว ล่าสุด Apple ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการเสียที โดยคราวนี้เปิดตัวพร้อมกันถึง 2 รุ่นคือ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ซึ่งก็ไม่คลาดจากข่าวที่ผ่านๆมา ซึ่งสเปคของทั้ง 2 รุ่น มีดังนี้

iPhone 6

  • ขนาดของตัวเครื่องมีความหนาเพียง 6.9 มิลลิเมตร ยาว 138.1 มิลลิเมตร และกว้าง 67 มิลลิเมตร
  • หน้าจอ Retina HD ความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 1,334 x 750 พิกเซล (326 ppi)
  • ปุ่ม Power ย้ายไปอยู่ด้านข้าง (ขวา) ของตัวเครื่อง
  • ชิปประมวลผล Apple A8 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า Apple A7 ประมาณ 17% ประมวลผลเร็วขึ้นกว่าเดิม 25% และส่วนกราฟิกประมวลผลเร็วขึ้นถึง 50%
  • มีชิปประมวลผล M8 สำหรับจับการเคลื่อนไหวโดยความสามารถจับการเคลื่อนไหวระหว่างการขับขี่จักรยาน การวิ่ง สามารถจับระยะทางและระดับความสูงได้อีกด้วย
  • รองรับ 4G LTE ที่ความเร็ว 150 Mbps ในถึง 20 คลื่นความถี่
  • รองรับ Voice Over LTE, รองรับระบบ Wi-Fi ที่เร็วกว่าเดิมสามเท่า, รองรับ Wi-Fi​ Calling คือเราสามารถโทรหากันผ่าน Wi-Fi ได้เลย
  • กล้องหลังมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซลซึ่งเท่ากับ iPhone 5s แต่มีการปรับปรุงหน้าเลนส์และการรับแสงที่ดีขึ้น พร้อมระบบชดเชยภาพ
  • ปรับปรุงความสามารถในการบันทึกวิดีโอแบบ Slo-Mo ที่ความเร็ว 240 FPS (เดิม 120 FPS)
  • แบตใช้ได้นานพอๆ กับ iPhone 5s โดยในขณะ Standby อยู่ได้ถึง 10 วัน
  • มี 3 สีให้เลือก Space Grey, Silver และ Gold

iPhone 6 Plus

สรุป spec ของ iPhone 6 Plus มีดังนี้

  • ขนาดของตัวเครื่องมีความหนาเพียง 7.1 มิลลิเมตร ยาว 158.1 มิลลิเมตร และกว้าง 77.8 มิลลิเมตร
  • หน้าจอ Retina HD ความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 1,920 x 1,080 พิกเซล (401 ppi)
  • ปุ่ม Power ย้ายไปอยู่ด้านข้าง (ขวา) ของตัวเครื่อง
  • ชิปประมวลผล Apple A8 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า Apple A7 ประมาณ 17% ประมวลผลเร็วขึ้นกว่าเดิม 25% และส่วนกราฟิกประมวลผลเร็วขึ้นถึง 50%
  • มีชิปประมวลผล M8 สำหรับจับการเคลื่อนไหวโดยความสามารถจับการเคลื่อนไหวระหว่างการขับขี่จักรยาน การวิ่ง สามารถจับระยะทางและระดับความสูงได้อีกด้วย
  • รองรับ 4G LTE ที่ความเร็ว 150 Mbps ในถึง 20 คลื่นความถี่
  • รองรับ Voice Over LTE, รองรับระบบ Wi-Fi ที่เร็วกว่าเดิมสามเท่า, รองรับ Wi-Fi​ Calling คือเราสามารถโทรหากันผ่าน Wi-Fi ได้เลย
  • กล้องหลังมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซลซึ่งเท่ากับ iPhone 5s แต่มีการปรับปรุงหน้าเลนส์และการรับแสงที่ดีขึ้น พร้อมระบบชดเชยภาพ
  • ปรับปรุงความสามารถในการบันทึกวิดีโอแบบ Slo-Mo ที่ความเร็ว 240 FPS (เดิม 120 FPS)
  • แบตใช้ได้นานขึ้น Standby ได้ 16 วัน (iPhone 5s รองรับ Standby 10 วัน)
  • มี 3 สีให้เลือก Space Grey, Silver และ Gold

ที่มา Macthai, The Verge

DSC_4503

ป้ายกำกับ:

เรื่องน่าสนใจ