เวลา 11.00 น.วันที่ 16 มกราคม ที่ศาลาปฎิบัติธรรม สำนักสงฆ์ป่าสามแยก ต.น้ำหนาว อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ บรรดาคณะลูกศิษย์และมัคทายกวัดรวมทิ้งพระลูกศิษย์ราว 60 คน ได้เปิดทำการไต่สวนพระเกษม อาจิณณสีโล เจ้าสำนักสงฆ์สามแยก ซึ่งโด่งดังจากคดีหมิ่นศาสนาและคลิปการกระทำไม่เหมาะสม
หลังจากมีข่าวลือในหมู่ลูกศิษย์ว่าพระเกษมเสพเมถุนกับลูกศิษย์อุปถัมภ์ อายุ 34 ปี ภายในสำนักสงฆ์ และเมื่อคณะกรรมการสำนักสงฆ์ได้รับทราบจึงทำการติดตามตรวจสอบ กระทั่งมีการพบเบาะแสว่าเป็นความจริง โดยลูกศิษย์หนุ่มใหญ่ที่ถูกพระเกษมเสพเมถุนได้ยอมรับพร้อมเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง จนนำมาสู่การไต่สวนอย่างเปิดเผย
โดยในการไต่สวนในครั้งนี้ นอกจากจะมีบรรดาลูกศิษย์ใกล้ชิดและมัคนายกวัดเข้าร่วมแล้ว หนุ่มลูกศิษย์วัดที่เป็นคู่กรณีกับพระเกษม ยังเข้าร่วมให้รายละเอียดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย นอกจากนี้ ระหว่างไต่สวนยังมีการถ่ายทอดสด โดยแพร่ทั้งภาพและเสียงผ่านทางอินเตอร์เน็ตของสำนักสงฆ์ป่าสามแยกอีกด้วย ซึ่งปรากฏว่าเมื่อมีลูกศิษย์เอ๋ยปากถามพระเกษม ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นความจริงแต่ทำไปโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ พระเกษมยังบอกต่อด้วยว่าหากถามต่อว่าจะทำอย่างไร ก็บอกว่าไม่รู้หากจะให้สึกแล้วจะเอายังไง จะอยู่กับพวกนี้ อยู่กับพวกนี้ไหม เพราะตัวคนเดียวบ้านก็กลับไม่ได้เพราะตัดขาดมา ลูกศิษย์เมื่อตัดขาดออกไป เหลือใครที่ดูแลอยู่ เมื่อสึกจะอยู่กับคนคนนั้น หากอยู่ในนี้ให้เราอยู่ได้ไหม พวกนี้อยู่ไม่ได้เพราะจะมานั่งร่วมอุโบสถกันก็ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม หลังพระเกษมเปิดปากยอมรับความจริง ปรากฏว่าบรรดาลูกศิษย์ที่นั่งฟังชี้แจง ต่างตกอยู่ในอาการตะลึงเนื่องจากไม่คาดคิดว่าจะได้ยินพระเกษมเอ่ยปากยอมรับอย่างชัดถ้อยชัดคำแบบนี้ โดยบรรดาลูกศิษย์แม้เห็นพ้องว่าพระเกษมต้องปาราชิกหรือควรสึกออกไป แต่ก็ยังมีเสียงทัดทานจากพระลูกวัดบางรูปถึงข้ออ้างว่า พระเกษมทำไปโดยไม่รู้ตัว จึงมีมติให้มีการเชิญพระสงฆ์ผู้ใหญ่และบุคคลภายทำการสอบสวน และล่าสุดที่เว็บไซต์สำนักสงฆ์ป่าสามแยก เริ่มมีบรรดาลูกศิษย์ประกาศแยกตัวไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพระเกษมอีกต่อไป
ด้าน นายศิวนาถ แสนแก้ว ผู้จัดการส่วนตัวพระเกษมและลูกศิษย์ใกล้ชิด กล่าวยอมรับว่า เป็นเรื่องจริงที่พระเกษมได้ยอมรับว่ากระทำจริง ในขณะเด็กอุปฐากในภายวัดก็เล่ารายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังหมดแล้วว่า ถูกตุ๋ยถึง 2 ครั้งระหว่างพักบ้านพักรับรองของลูกศิษย์ที่กทม. ซึ่งเจ้าตัวก็ช็อกเหมือนกัน แต่เนื่องจากพระเกษมอ้างว่ากระทำไปโดยไม่รู้ตัว ตรงนี้จึงต้องมีการไต่สวนขยายผลต่อไปเพราะอาจมีรายอื่นๆ ที่ถูกกระทำแบบนี้อีก
“ทุกคนต่างช็อคและตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะต่างไม่คาดคิด ส่วนขั้นตอนต่อไปคงต้องทำตามหลักวินัยให้ถูกต้อง ซึ่งหากพระเกษมผิดจริงก็ต้องขาดจากความเป็นพระ ซึ่งพวกเราไม่ได้ยึดติดกับตัวบุคคล โดยวัดยังต้องอยู่และต้องรักษาศาสนาเอาไว้ให้ได้ โดยยึดพระไตรปิฎกคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลักไม่ใช่ยึดติดกับตัวบุคคล” นายศิวนาถ กล่าว