นำเสนอข่าวโดย โดดเด่นดอทคอม
ผู้สื่อข่าวข่าวสดรายงานว่า ระหว่างเดินทางอยู่บนถนนสายช้างทูน-หนองบอน ต.ช้างทูน อ.บ่อไร่ จ.ตราด พบชาย-หญิงวัยกลางคน และเด็กหญิงสวมชุดนักเรียน 2 คน กำลังเดินอยู่ข้างถนน จึงได้เข้าไปสอบถามจนทราบชื่อทั้ง 4 คน คือ นายประจักษ์ เอมอ่อน อายุ 39 ปี นางแต เอมอ่อน อายุ 40 ปี ด.ญ.ชนาพร เอมอ่อน อายุ 11 ปี และ ด.ญ.ทศพร เอมอ่อน อายุ 10 ปี จนได้คำตอบที่ต้องตกใจว่า ครอบครัวนี้กำลังเดินกลับบ้าน โดยได้เดินมาจากโรงเรียนอัมพรจิตกานนท์ ต.หนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด กลับบ้านที่ห่างจากโรงเรียนระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตรทุกวัน
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ติดตามไปยังบ้านเลขที่28/2 ม.5 ต.ช้างทูน อ.บ่อไร่ จ.ตราด ซึ่งเป็นบ้านพักหลังเล็กๆ ของครอบครัว เอมอ่อน ที่หลานตัวเองได้ให้ไว้เป็นที่นอน สภาพบ้านที่สร้างมานานกว่า 10 ปี แล้ว อยู่ในสภาพเก่ามาก ต้องอาศัยเทียนไขไว้ส่องสว่าง
นางแต กล่าวถึงชีวิตที่ต้องต่อสู้มาตลอดว่า หลังจากแต่งงานกับนายประจักษ์ จนกระทั่งตนตั้งท้องลูกสาวคนที่สอง นายประจักษ์ ก็มีอาการป่วยทางสมอง จนไม่สามารถช่วยทำมาหากินได้ ซึ่งตนมีรายได้จากการรับแจ้งไปวันๆ บางวันมีรายได้ ไม่ถึง 200 บาท บางวันก็ไม่ได้เลย ส่วนสามีรับเบี้ยคนพิการจากอบต.ช้างทูน ทุกเดือน แต่บางเดือนก็ไม่ได้ กระทั่งลูกสาวคนโตเข้าโรงเรียน ตนและสามีต้องพาลูกสาวเดินทางจากบ้านไปโรงเรียนบ้านช้างทูนทุกวัน ระยะทางห่างจากบ้านประมาณ 8 กิโลเมตร โดยออกเดินเท้าจากบ้านตอนตี 5 ถึงโรงเรียนประมาณ 8 โมง หรือ 9 โมง เพราะบางวันลูกสาว ปวดขา เดินไม่ไหว ก็ต้องหยุดพักและเดินต่อ แต่บางวันปวดขาจนต้องหยุดไปโรงเรียนก็มี
หลังจากที่ตนส่งลูกสาวถึงโรงเรียนแล้วตนเดินกลับมาทำงานที่บ้านต่อและตกเย็นใกล้เวลาลูกสาวเลิกเรียนก็ต้องเดินไปรับที่โรงเรียนอีกรอบ แล้วก็เดินกลับบ้าน กว่าจะถึงบ้านก็ราว 2 ทุ่ม และเป็นเช่นนี้ทุกๆ วัน จนลูกสาวคนที่ 2 เข้าโรงเรียน ก็ต้องเดินไปรับไปส่ง ไปโรงเรียนแบบนี้มาจนลูกสาวคนโต อยู่ ป.5 แล้ว ซึ่งรวมระยะทางที่ต้องเดินแล้ว ตนเองต้องเดินทางระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตรต่อวัน และลูกสาวทั้ง 2 คน ต้องเดินทาง 16 กิโลเมตรต่อวัน
นางแต ยังกล่าวต่อว่า สาเหตุที่ต้องเดินทางไปรับส่งลูกสาวเองนั้น เนื่องจากฐานะยากจน รายได้ไม่เพียงพอที่จะซื้อรถจักรยานยนต์ขี่ไปส่งลูกสาว แม้แต่รถจักรยาน ก็ยังไม่สามารถซื้อมาใช้ได้ มีแต่รถจักรยานที่มีผู้ใจบุญให้มาใช้นานมากแล้ว แต่สภาพตอนนี้ใช้การไม่ได้ และก็ไม่มีเงินที่จะเอาไปซ่อม จะให้ลูกสาวนั่งรถประจำ เงินก็ไม่พอ และเป็นสาเหตุที่ต้องเดินส่งถึงโรงเรียน ประกอบกับลูกเป็นผู้หญิง และเส้นทางที่เดินไปโรงเรียนค่อนข้างอันตราย ต้องผ่านสวนยางพาราที่มีแรงงานต่างด้าวทำงานอยู่ ซึ่งตนไม่ไว้ใจแรงงานต่างด้าวด้วย อย่างไรก็ตาม ตนวอนผู้ใจบุญให้ช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่าย ยานพนะ หรืออาหารก็ได้ เพราะบางวันก็ไม่มีอาหารกิน จนต้องไปช่วยงานวัด ล้างจาน และไปขอข้าวก้นบาตรพระมากินที่บ้านอยู่ประจำ
ด้าน ด.ญ.ชนาพร กล่าวว่า รู้สึกเหนื่อยที่ต้องเดินจากบ้านไปโรงเรียนทุกวัน เพราะปวดขา และเจ็บเท้า จนทำให้บางวันไม่อยากไปโรงเรียน บางครั้งเมื่อไปโรงเรียน เพื่อนๆ ก็ชอบล้อ ชอบแกล้ง และอยากจะขอให้ผู้ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือ โดยเฉพาะจักรยานคันเล็กๆ ที่จะขี่เล่นและขี่ไปโรงเรียน ส่วนความฝันตนเอง แค่ต้องการให้เรียนจบสูงๆ เพื่อจะกลับมาเลี้ยงพ่อแม่ให้มีความสุข
สำหรับเด็กหญิงทั้ง 2 คน ได้ย้ายโรงเรียนจากบ้านช้างทูน ต.ช้างทูน ไปโรงเรียนอัมพรจินตกานนท์ ต.หนองบอน อ.บ่อไร่ แล้ว เนื่องจากระยะใกล้กว่าโรงเรียนเก่าประมาณ 300 เมตร
ด้านนายเกษม มั่นคง นายกอบต.ช้างทูน กล่าวว่า ที่ผ่านมาอบต.ช้างทูน เคยให้การช่วยเหลือครอบครัวนี้ด้วยการปลูกบ้านในพื้นที่ใกล้กับโรงเรียนที่เด็กทั้ง 2 คนเรียนอยู่และมอบเงินช่วยเหลือด้วย แต่ต่อมาครอบครัวนี้ได้ขอย้ายกลับไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเก่าในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ไกลจากโรงเรียนนับ 10 ก.ม. แต่อบต.ช้างทูนก็ยังช่วยเหลือในด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่องด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้หากประชาชนที่ต้องการช่วยเหลือครอบครัวเอมอ่อน สามารถติดต่อผ่านนายเกษม มั่นคง โทร.081-309-1607