ตำรวจพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่กวาดล้างเครือข่ายธุรกิจแชร์ลูกโซ่รายใหญ่เบื้องต้นยึดทรัพย์ได้กว่า250ล้านบาท หลังผู้เสียหายร้องเรียนจำนวนมาก
ปฏิบัติการทลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเครือข่ายแชร์ลูกโซ่u-fun ที่ตำรวจ สคบ. และปปง.ร่วมกันจับกุมเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ บริษัท ยูฟันสโตร จำกัด ที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ ในหลายประเทศและมีผู้บริหารใหญ่เป็นชาวมาเลเซีย เป็นเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ที่ตำรวจประเมินว่าในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 14,700 คน เบื้องต้น สคบ. ได้เพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทเมื่อวันที่ 8 เมษายน หลังเชิญผู้บริหารเข้าพบถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร และ ปปง.ยึดทรัพย์จากเครือข่ายดังกล่าวได้ 250 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับผู้บริหารและผู้ถือหุ้น 8 คน เป็นชาวมาเลเซีย 3 คน และคนไทย 5 คน ในรูปแบบความผิด 3 รูปแบบ คือ ไม่จ่ายผลตอบแทนตามแผนที่ระบุต่อนายทะเบียน โทษปรับ 3 แสนบาท ชักชวนให้สมาชิกเข้ามาร่วมเครือข่ายโดยได้รับผลตอบแทนจากการชวนบุคคลอื่นเข้าร่วม โทษจำคุก 5 ปี ปรับ 5 แสนบาท กู้ยืมเงินเพื่อฉ้อโกงประชาชน โทษจำคุก 5-10 ปี ปรับ 5 แสนถึง 1 ล้านบาท
โดยจุดแรกที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่คือบริเวณรามอินทรา 62 จับผู้ต้องหาชื่อนายฤทธิเดช วรงค์ อาชีพทนายความ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่มากถึง 51% ส่วนนายนายอาทิตย์ ปานแก้ว ผู้ถือหุ้นร่วม ที่อยู่ในหมายจับไม่ได้อยู่ในสถานที่ดังกล่าวด้วย โดยพบว่า ที่พักถูกใช้เป็นสำนักงานในการดำเนินธุรกิจ และพบเอกสารธุรกรรมทางการเงินจำนวนมาก พร้อมทั้งพบทรัพย์สินมีค่าที่เป็นอุปกรณ์ทางโหราศาสตร์จำนวนมาก
นายฤทธิเดช ให้การว่า ตนเองเข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2557 โดยยืนยันว่าบริษัทไม่ได้ฉ้อโกงตามที่ถูกกล่าวหา เพราะไม่มีการจำหน่ายสินค้าของบริษัท แต่เป็นลักษณะของการนำสินค้าจากสมาชิกมาจำหน่ายกันเอง
จุดที่ 2 เป็นบ้านหมู่บ้านแห่งหนึ่งในซอยโยธินพัฒนา 11 เป็นบ้านของนายรัฐวิชญ์ ฐิติอรุณวัฒน์ ผู้บริหารฝ่ายการตลาดบริษัทยูฟัน ผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งนายรัฐวิชญ์ ถูกจับได้ที่จังหวัดเชียงใหม่ ภายในบ้านพบใบประกาศกิตติคุณในการประกอบธุรกิจดังกล่าว ทรัพย์สินมีค่าจำนวนมาก อาทิ นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม แว่นตา และรถซูปเปอร์คาร์ราคาแพง อย่าง bmw ไอ8 เบนซ์ อี300 และยังมีออดี้ทีทีอีกคันที่จอดไว้นอกบ้าน
สำหรับจุดต่อไปคือสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ผู้ต้องหาตามหมายจับจะเดินทางจากต่างประเทศมาที่ประเทศไทย